ออสฯ อนุมัติหมอ GP ฉีด 'แอสตราเซเนกา' ให้ผู้ใหญ่ได้ทุกคน

รัฐบาลแห่งชาติออสฯ ประกาศโครงการวัคซีนสำคัญหลังประชุมด่วนกลางดึกเมื่อคืนวานนี้ เปิดทางฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาสำหรับผู้ใหญ่ได้ทุกช่วงอายุ หวังเร่งอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศ หลังสถานการณ์โควิดสายพันธุ์เดลตาวิกฤตแล้วหลายจุด

COVID-19 cases across the country

Source: AAP

ประเด็นสำคัญ

  • รัฐบาลออสฯ อนุมัติให้ประชาชนบรรลุนิติภาวะทุกกลุ่มอายุ สามารถรับวัคซีนแอสตราเซเนกาได้ตามต้องการจากแพทย์ GP

  • พนักงานสถานดูแลผู้สูงอายุ-สถานกักกันโรค จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนทุกคนทั่วประเทศแบบภาคบังคับ โดยจะมีการสนับสนุนทางการเงิน สำหรับ พนง.ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ในการลางานเพื่อรับการฉีดวัคซีน

  • อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า สต๊อกวัคซีนของไฟเซอร์ในขณะนี้มีจำกัด ส่วนของแอสตราเซเนกา ผู้บังคับการหน่วยกระจายวัคซีนเผยเพียงพอสำหรับฉีดให้ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป

  • จนถึงวันนี้ มีชาวออสเตรเลียได้รับการฉีดวัคซีนแล้วทั่วประเทศเกือบ 7.4 ล้านคน


29 มิ.ย. คณะรัฐบาลแห่งชาติของออสเตรเลีย ได้มีมติให้บังคับฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ปฏิบัติงานในสถานดูแลผู้สูงอายุ ขณะที่รัฐบาลสหพันธรัฐได้ประกาศโครงคุ้มครองความรับผิดทางวิชาชีพโดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิด (no-fault indemnity scheme) ซึ่งอนุญาตให้แพทย์ทั่วไป (จีพี) สามารถฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาให้กับผู้ใหญ่ทุกคนในออสเตรเลียได้

การตัดสินใจดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในออสเตรเลีย ได้จุดประเด็นการเรียกร้องให้มีการเพิ่มอัตราสร้างภูมิคุ้มกัน ท่ามกลางความกังวลว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่มีความสามารถในการติดต่อในระดับสูง จะแพร่กระจายไปทั่วประเทศ

นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้กล่าวในการประชุมคณะรัฐบาลแห่งชาติ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.) ว่าบรรดาผู้นำในคณะรัฐบาลแห่งชาติ ได้อนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนภาคบังคับ สำหรับผู้ปฏิบัติงานในสถานดูแลผู้สูงอายุ ในความพยายามที่จะทำให้สิ่งที่ควรเป็นการเปิดตัววัคซีนในระยะแรกเสร็จสมบูรณ์ และให้การปกป้องประชาชนบางส่วนในกลุ่มความเสี่ยงสูงที่สุดของประเทศ

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลใด ๆ ก็ตามจะดำเนินการได้อย่างเบาใจ เราได้พิจารณาเรื่องนี้มาเป็นเวลาระยะหนึ่งแล้ว บนพื้นฐานของคำแนะนำด้านสุขภาพที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้” นายมอร์ริสัน กล่าว

ในจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั้งออสเตรเลีย 910 ราย มี 685 ราย ที่เป็นผู้เข้ารับการดูแลในสถานดูแลผู้สูงอายุ

นายมอร์ริสัน กล่าวว่า เป้าหมายของแผนบังคับฉีดวัคซีนในสถานดูแลผู้สูงอายุนั้น มีจุดประสงค์เพื่อจะให้การฉีดวัคซีนในสถานดูแลผู้สูงอายุเสร็จสมบูรณ์ ก่อนช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ ผ่านคำสั่งด้านสุขภาพในแต่ละรัฐและมณฑล รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ของเครือจักรภพ

เงินสนับสนุน $11 ล้านดอลลาร์ สนับสนุนคนทำงานให้ไปฉีดวัคซีน

ในความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีผลกระทบที่ไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้น เช่น การที่คนทำงานในสถานดูแลผู้สูงอายุตัดสินใจออกจากการทำงานในภาคส่วนนี้ รัฐบาลสหพันธรัฐจะอนุมัติงบประมาณสนับสนุนจำนวน $11 ล้านดอลลาร์สำหรับสถานดูแลผู้สูงอายุ สำหรับการจ่ายค่าตอบแทนในการลาหยุดงานให้กับพนักงานเพื่อไปรับการฉีดวัคซีน

หน่วยงานบริการผู้สูงอายุและชุมชนออสเตรเลีย (The Aged & Community Service Australia) ได้ต้อนรับประกาศจากรัฐบาลสหพันธรัฐ ซึ่งรวมถึงเงินสนับสนุน $11 ล้านดอลลาร์ แต่ก็ได้กล่าวว่า สถานการณ์ที่มีความวิกฤตนี้ จะเป็นสิ่งที่ทำให้แน่ใจว่า จะสามารถเข้าถึงสต๊อกวัคซีนได้ง่ายขึ้น

“สาเหตุที่ทำให้มีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในระดับต่ำ แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับพนักงานของเรา” นางแพทริเซีย สแปโรว (Patricia Sparrow) ประธานบริหารของ ACSA กล่าว

“สิ่งที่ดีที่สุดในการปรับปรุงอัตราการฉีดวัคซีนนั้น คือการทำให้มันสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้สำหรับพนักงานในสถานดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงการฉีดวัคซีนในสถานที่ทำงาน”

“เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พนักงานของเราได้รับการจัดลำดับความสำคัญอยู่ที่ลำดับ 1A และ 1B แต่พวกเขาก็ยังคงกำลังรอที่จะได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา”

“เราเพียงไม่ยังพบเห็นความเร่งด่วน รวมถึงการวางแผน หรือการสื่อสารที่มีความชัดเจนจากรัฐบาลสหพันธรัฐ ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็น และมันจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน”

คุณซานู กีเมียร์ (Sanu Ghimere) ผู้ให้การดูแลส่วนบุคคลซึ่งเกิดในประเทศเนปาล กล่าวกับเอสบีเอส นิวส์ ว่า คนทำงานต้องการวัคซีน แต่มันเป็นเรื่องยากที่จะหาเวลาที่เหมาะสมในการนัดหมาย และได้รับการสนับสนุนทางการเงิน ในช่วงเวลาที่รับการฉีดวัคซีน

“เราไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่มีความสำคัญ คนที่ทำงานร่วมกับฉันบางคน ได้รับวัคซีนที่เหลือจากที่ฉีดให้ผู้เข้ารับการดูแล เพื่อนของฉันบางคนมีปัญหาในการจองนัดหมาย และบางคนก็กลัวผลข้างเคียง” คุณกีเมียร์ กล่าว

“หลังจากที่ฉันฉีดโดสที่ 2 ฉันป่วยเป็นเวลา 6 วัน เพราะฉะนั้นแล้ว เพื่อนร่วมงานของฉันจึงป่วยไม่ได้”

คณะรัฐบาลแห่งชาติ ยังเห็นด้วยกับการตรวจหาเชื้อภาคบังคับหลังการกักกันโรค สำหรับผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นภายใน 2 – 3 วัน หลังจากที่พวกเขาสิ้นสุดการกักตัวเฝ้าระวังอาการ

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะห้ามผู้เดินทางภายในประเทศซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ อยู่ในสถานที่พักอาศัยถัดไปจากผู้เดินทางมาถึงจากต่างประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดในรัฐควีนส์แลนด์

โดยสามารถทำได้ด้วยการแยกสถานที่พักอาศัย หรือแยกให้อยู่คนละชั้น หากอยู่ในสถานที่พักอาศัยเดียวกัน

ขณะที่มาตรการตรวจหาเชื้อ และฉีดวัคซีนให้กับคนทำงานในสถานกักกันโรคภาคบังคับนั้นจะมีการทยอยเปิดตัว ซึ่งจะรวมถึงผู้รับส่งผู้คนเพื่อเข้ารับการกักกันโรคด้วย

ส่วนผู้เดินทางกลับมาออสเตรเลียที่ผ่านการกักตัวเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วันแล้ว จะสามารถเดินทางข้ามไปยังรัฐหรือมณฑลอื่น ๆ ได้ โดยไม่ต้องเข้ารับการกักตัวอีกครั้ง ภายในเวลาอีก 14 วันหลังสิ้นสุดการกักตัว

อายุน้อยกว่า 40 ปี รับวัคซีนแอสตราเซเนกาได้

ในความพยายามของรัฐบาลสหพันธรัฐ เพื่อกระตุ้นการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น รัฐบาลสหพันธรัฐจะที่การเปิดตัวโครงการชดเชยความเสียหายจากบริการทางการแพทย์โดยไม่ต้องรับผิด (no-fault indemnity scheme) สำหรับแพทย์จีพีที่ทำการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี จะสามารถรับวัคซีนของแอสตราเซเนกาได้หากต้องการ

นับตั้งแต่ประกาศเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว มีผู้จองนัดหมายฉีดวัคซีนกับคลินิกต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก มีแพทย์จีพีจำนวนไม่น้อยที่ตั้งตัวไม่ทัน กับประกาศเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา 

นางแคเรน ไพรซ์ (Karen Price) จากวิทยาลัยแพทย์ปฏิบัติทั่วไปในพระองค์ (Royal Australian College of General Practitioners) ได้ต้อนรับการตัดสินใจดังกล่าวของคณะรัฐบาลแห่งชาติ โดยกล่าวว่า ตราบใดที่ผู้คนเข้าใจว่าความเสี่ยงในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันนั้นมีน้อย เธอก็จะไม่รั้งรอในการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ให้กับผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 40 ปี ที่รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วน

ด้าน นายโอมา คอร์ชิด (Omar Korshid) ประธานแพทยสภาแห่งออสเตรเลีย (Australian Medical Association) ได้ต้อนรับการตัดสินใจของคณะรัฐบาลแห่งชชาติ ในส่วนของการคุ้มครองแพทย์ทั่วไป จากโครงการชดเชยความเสียหายจากบริการทางการแพทย์โดยไม่ต้องรับผิด (no-fault indemnity scheme)

เขากล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวจะให้การคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับแพทย์ และอาจช่วยให้โครงการเปิดตัววัคซีนระดับชาติสามารถทำได้รวดเร็วขึ้น

“มันเป็นการนำข้อจำกัดออกไปอีกชั้น โดยเฉพาะในส่วนของแพทย์จีพีที่มีความกังวลในการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปีลงไป” นายคอร์ชิด กล่าว

นายมอร์ริสัน กล่าวว่า มีการให้ความหวังว่า การเปลี่ยนแปลงในส่วนของโครงการวัคซีน รวมถึงการปรับปรุงสต๊อกวัคซีน จะทำให้ออสเตรเลียดำเนินโครงการวัคซีนในระดับสมดุลไปตลอดช่วงเวลาของปีนี้

สต๊อกวัคซีนของไฟเซอร์มีจำกัด

พล.ท.จอห์น ฟรีเวน (Lt Gen John Frewen) ผู้กำกับการโครงการวัคซีนโควิด-19 ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ในขณะที่สต๊อดวัคซีนของไฟเซอร์ยังคงมีจำกัด แต่วัคสต็อกวัคซีนของแอสตราเซเนกานั้นยังคงเพียงพอสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม พล.ท.ฟรีเวน ได้เตือนว่า โรคระบาดโควิด-19 จะยังไม่ถูกขจัดจนหมดไปภายในอนาคตอันใกล้นี้

“เรายังคงต้องปรับตัวให้เข้สกับแนวคิดที่ว่า จะมีการระบาดในส่วนของโควิด-19 เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง” พล.ท.ฟรีเวน กล่าว

“แต่ด้วยมาตรการเยียวยาเหล่านั้น เราหวังว่าจะสามารถทำให้ผู้คนมีชีวิตรอด ป้องกันผู้คนจากอาการเจ็บป่วยที่รุนแรง และเปลี่ยนผ่านสู่ความปกติได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้”

“การฉีดวัคซีนจะช่วยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้” พล.ท.ฟรีเวน กล่าวทิ้งท้าย

จนถึงขณะนี้ มีชาวออสเตรเลียทั่วประเทศเกือบ 7.4 ล้านคน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาแล้ว


คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย

นายกออสฯ หวังพรมแดนเปิดได้ปีหน้า แต่อัตราฉีดวัคซีนยังน้อย


Share
Published 29 June 2021 4:15pm
Updated 30 June 2021 11:11am
Presented by Tinrawat Banyat
Source: AAP, SBS


Share this with family and friends