ประเด็นสำคัญในข่าว
- สถาบันวิจัยทางการแพทย์ในรัฐควีนส์แลนด์ กำลังทดลองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตัวใหม่ ที่อาจไม่ต้องไปรับการฉีดซ้ำทุก ๆ ปี
- ปกติแล้ว วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปจะต้องได้รับการปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันทุกปีจากการกลายพันธุ์ของไวรัส ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนนั้นลดลง
- นักวิจัยบอกว่า วัคซีนชนิดใหม่อาจให้การปกป้องได้นานหลายปี
ในช่วงเริ่มต้นของฤดูหนาวทุกปี ประชาชนในออสเตรเลียจะได้รับการย้ำเตือนในการไปรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่รายปี แต่สิ่งนี้อาจเปลี่ยนไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
สถาบันวิจัยเมเทอร์ (Mater Research) ในรัฐควีนส์แลนด์ กำลังทดลองวัคซีนคัวใหม่ ซึ่งจะให้การปกป้องที่ครอบคลุมกว่าในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น
แล้วทำไมเราจึงต้องไปรับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี วัคซีนนี้ทำงานอย่างไร วัคซีนแบบต้องฉีดทุกปีจะกลายเป็นอดีตหรือไม่
ทำไมเราจึงต้องไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปจะได้รับการปรับปรุงทุกปี โดยมีคำแนะนำให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนหรือมากกว่า ให้ไปรับการฉีดวัคซีนทุกปี
รศ.เคิร์สตี ชอร์ท (Kirsty Short) จากวิทยาลัยเคมีและวิทยาศาสตร์ชีวโมเลกุล มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ซึ่งทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 และการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสต่าง ๆ กล่าวว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เปลี่ยนแปลงทุกปี หมายความว่าวัคซีนที่เราได้รับใน 1 ปีจะไม่สามารถปกป้องเราในปีต่อไปได้
“ตลอดฤดูหนาว ไวรัสไข้หวัดใหญ่จะกลายพันธุ์ ซึ่งไวรัสที่แพร่กระจายหลังจากนั้นจะไม่เหมือนกับช่วงเริ่มต้นฤดูกาล” รศ.ชอร์ท กล่าว
“นั่นหมายความว่า ถ้าคุณได้รับวัคซีนตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล เมื่อถึงปลายฤดูกาล หรือในฤดูกาลถัดไปในปีหน้า ไวรัสก็จะกลายพันธุ์ไปมากจนวัคซีนตัวนั้นให้การปกป้องได้อย่างจำกัด”
รศ.ชอร์ท กล่าวอีกว่า วัคซีนนั้นได้รับการปรับให้เป็นปัจจุบันตามสายพันธุ์ที่กำลังแพร่กระจาย ทว่าวัคซีนในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่โปรตีนบริเวณพื้นผิวของไวรัสซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
“ไวรัสกลายพันธุ์ไปมาก และวัคซีนที่เรามีอยู่ในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่โปรตีนบริเวณพื้นผิวของไวรัส ซึ่งเป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุด” รศ.ชอร์ท กล่าว
“ดังนั้น มันจึงยากมากที่จะมีภูมิคุ้มกันในการปกป้องจากไวรัสข้ามสายพันธุ์ เพราะเป้าหมายในการตอบสนองของภูมิคุ้มกันกำลังเปลี่ยนแปลง”
วัคซีนตัวนี้คืออะไร และทำงานอย่างไร
วัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบครอบจักรวาล OXV836 กำลังได้รับการทดลองทั่วออสเตรเลีย โดยมีศูนย์วิจัยเมเทอร์ (Mater Research) เป็นผู้นำการทดลองนี้ โดยมีผู้เข้าร่วมการทดลองมากกว่า 600 คน
พอล กริฟฟิน (Paul Griffin) แพทย์ผู้อำนวยการแผนกโรคติดเชื้อ ศูนย์บริการสุขภาพเมเทอร์ (Mater Health Services) กล่าวว่า วัคซีนดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่ส่วนต่าง ๆ ของไวรัสที่ไวต่อการกลายพันธุ์น้อยที่สุด หมายความว่าวัคซีนดังกล่าว 1 โดส จะสามารถให้การปกป้องผู้รับวัคซีนได้เป็นเวลาหลายปีต่อการฉีดครั้งหนึ่ง
“วัคซีนใหม่นี้ มุ่งเป้าไปที่นิวคลีโอโปรตีนภายใน (internal nucleoprotein) ซึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก” คุณกริฟฟินกล่าว
“วัคซีนนี้ใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งได้รับการตอบสนองที่ดีของเซลล์ B และเซลล์ T ต่อนิวคลีโอโปรตีน ดังนั้นเราจึงคาดหวังการป้องกันที่ดีต่อไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธุ์”
คุณกริฟฟินกล่าวว่า ขณะที่ผลลัพธ์จากการทดลองทางคลินิกเบื้องต้นในต่างประเทศนั้นดูมีความหวัง แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่วัคซีนจะสามารถใช้ได้ พร้อมกล่าวว่า ชาวออสเตรเลียจำเป็นต้องไปรับการฉีกวัคซีนในช่วงต้นฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ต่อไปในแต่ละปี ซึ่งตามปกติแล้วอยู่ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม ของทุกปี
“แม้การที่เรากำลังทดลองวัคซีนใหม่จะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสำคัญของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มีอยู่ลดน้อยลงไป” คุณกริฟฟินกล่าว
"แน่นอนว่าเราต้องการกระตุ้นให้มีการใช้วัคซีนที่มีอยู่ ซึ่งต่ำกว่าที่เราต้องการในขณะนี้"
ทำไมคุณจึงต้องไปฉีดวัคซีน
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายชุกชุมทุกปี และในปีนี้ ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันจากห้องปฏิบัติการมากกว่า 40,000 คน เสียชีวิตแล้ว 44 คน ไวรัสชนิดนี้สารถส่งผลกระทบได้กับผู้คนทุกวัย แต่จะรุนแรงเป็นพิเศษสำหรับทารกและเด็กเล็ก รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
แพทย์วอนฉีดวัคซีนโควิด-ไข้หวัดใหญ่ก่อนหนาว คาดอาจระบาดหนัก 3 เท่า
คุณกริฟฟินกล่าวว่า จำนวนผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อในปี 2023 จนถึงขณะนี้ อาจบ่งบอกถึงฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ที่ยากลำบากในอนาคต
เมื่อคุณนำสิ่งนั้นมารวมกับภาระจากโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้น จะทำให้เกิดฤดูหนาวที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับระบบการดูแลสุขภาพและผู้คนของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เปราะบางที่สุดต่อไวรัสทั้งสองชนิดนี้” คุณกริฟฟินกล่าว
วัคซีนไข้หวัดใหญ่นั้นไม่มีค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการสร้างภูมิคุ้มกันแห่งชาติ (The National Immunisation Program) สำหรับชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส เด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากภาวะทางการแพทย์
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจ จาก เอสบีเอส ไทย
ที่อยู่อาศัยที่ 'หนาวเย็น' ส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร