สถาบันโดเฮอร์ตี (Doherty Institute) กล่าวว่า จะปลอดภัยพอที่ออสเตรเลียจะออกจากการล็อกดาวน์เพราะสถานการณ์โควิด เมื่อบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนร้อยละ 70 และ 80 แล้ว ไม่ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเป็นเท่าไร แต่ยังคงต้องมีมาตรการทางสาธารณสุขอยู่
แบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันโดเฮอร์ตี ถูกนำไปใช้โดยรัฐบาลสหพันธรัฐเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางออกจากวิกฤตโควิด-19 ของออสเตรเลีย และใช้เพื่อกำหนดว่าเมื่อใดควรจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยสอดคล้องกับอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชากรทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งจากผู้นำของบางรัฐ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่กำลังเลวร้ายลงในนิวเซาท์เวลส์ วิกตอเรีย และเอซีที
เวสเทิร์นออสเตรเลียปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงเป้าหมายการมีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ และควีนส์แลนด์เตือนว่า รัฐอาจไม่เปิดพรมแดนที่ติดกับนิวเซาท์เวลส์แม้จำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนจะสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้
สถาบันได้ออกคำแถลงเมื่อคืนวันจันทร์ (23 ส.ค.) โดยระบุว่า การเปิดเมืองโดยที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายร้อยคนทั่วประเทศต่อวัน ยังคงสามารถทำได้ เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนถึงร้อยละ 70 แล้ว
“มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อเราบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนถึงร้อยละ 70-80 เราจะเห็นการแพร่เชื้อของโควิด-19 ที่น้อยลง และผู้คนน้อยลงป่วยหนัก ดังนั้นจึงมีผู้ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลและมีผู้เสียชีวิตน้อยลงด้วย” สถาบันโดเฮอร์ตีระบุในคำแถลง
สถาบันคาดว่า จำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนที่สูงจะทำให้ง่ายขึ้นที่ประชาชนจะอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัสนี้ แต่ย้ำว่า จะไม่สามารถเป็นไปได้ที่จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ตลอดไป
หากออสเตรเลียเปิดประเทศเมื่ออัตราการฉีดวัคซีนเป็นร้อยละ 70 โดยยังคงมีมาตรการทางสาธารณสุขส่วนหนึ่งใช้บังคับอยู่ ออสเตรเลียจะพบผู้ติดเชื้อ 385,983 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1,457 รายในระยะเวลา 6 เดือน จากแบบจำลองสถานการณ์
แต่หากยังคงมีการติดตามหาตัวผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้ออย่างในปัจจุบัน มีการตรวจเชื้อ และมีมาตรการแยกตัวจากผู้อื่นอยู่สำหรับผู้ติดเชื้อและผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ โดยมาตรการเหล่านี้ยังคงทำอยู่อย่างเต็มความสามารถ จำนวนผู้ติดเชื้อจะอยู่ในระดับต่ำที่ 2,737 รายและมีผู้เสียชีวิต 13 รายในระยะเวลา 3 เดือน จากแบบจำลองสถานการณ์ของสถาบันโดเฮอร์ตี
เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยเฉลี่ยแต่ละปีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในออสเตรเลียนำไปสู่การเสียชีวิตราว 600 รายและมีผู้ติดเชื้อราว 200,000 ราย
“เราเรียนรู้จากการดูประเทศอื่นๆ ที่ยกเลิกข้อจำกัดเพื่อป้องกันโควิด-19 ทั้งหมด ซึ่งเราได้เรียนรู้ว่า ‘จะไม่มีวันแห่งเสรีภาพ’” สถาบันระบุในคำแถลง
“เราจำเป็นต้องมีมาตรการสาธารณสุขบางอย่างใช้บังคับอยู่ต่อไป เช่น การตรวจเชื้อ การติดตามหาตัวผู้พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อและการกักตัว เพื่อรักษาอัตราการแพร่เชื้อต่อให้กับคนอื่นอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 คน แต่ขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เราจะสามารถผ่อนคลายข้อจำกัดได้มากขึ้น และมีแนวโน้มว่าเราจะไม่จำเป็นต้องมีการล็อกดาวน์เป็นวงกว้าง”
ออสเตรเลียมีประชากรอายุ 16 ปีและมากกว่าร้อยละ 30 ที่ฉีดวัคซีนแล้วครบสองโดส ขณะที่ร้อยละ 52.8 ฉีดวัคซีนแล้วหนึ่งโดส
ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ ศ.ชารอน เลวิน ของสถาบันโดเฮอตี บรรเทาความวิตกกังวลว่า นิวเซาท์เวลส์จะยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันหลายร้อยรายต่อไป แม้ว่าจะมีจำนวนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วตามเกณฑ์
“ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนร้อยละ 70 เราจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายแสนราย แม้จะเริ่มต้นที่จำนวนผู้ติดเชื้อ 30 ราย” ศ.เลวิน บอกกับเอบีซี
“หากเราเริ่มด้วยผู้ติดเชื้อ 30 ราย เราจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป หากเราเริ่มต้นด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อหลายร้อยราย เราจะมีเส้นโค้งของกราฟระบุจำนวนผู้ติดเชื้อที่เหมือนกัน แต่เราจะไปถึงจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเร็วกว่า (ก่อนที่จะลดจำนวนลง)”
“อย่างไรก็ตาม เมื่อประชากรได้รับการฉีดวัคซีนให้แล้วในระดับที่ว่า เราจะมีการเสียชีวิตและการป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลลดลงอย่างมาก จากการที่ประชาชนจำนวนมากได้รับการปกป้องและมีมาตรการด้านสาธารณสุขเพิ่มเติมอยู่ เราจะสามารถลดการติดเชื้อเหล่านั้นได้”
สถาบันโดเฮอร์ตีจะเสนอคำแนะนำที่ปรับปรุงใหม่นี้ให้แก่คณะผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ ในวันศุกร์นี้
“จะมีการเจ็บป่วยและเสียชีวิตเกิดขึ้นมากมาย”
ขณะเดียวกัน มีการจัดทำแบบจำลองสถานการณ์ใหม่ขึ้น โดยนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (Australian National University) ซึ่งโต้แย้งว่า ชาวออสเตรเลียทั้งหมดอย่างน้อยร้อยละ 90 รวมทั้งเด็กๆ จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนให้เสียก่อนที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดด้านสาธารณสุขและเปิดพรมแดนระหว่างประเทศได้
“เราพบว่าอัตราการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นมากมาย หากรัฐบาลออสเตรเลียยึดตามแผนแห่งชาตินี้” ศ.เควนติน กราฟตัน กล่าว
นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวในเช้าวันอังคารวันนี้ (24 ส.ค.) ว่า “เรายังคงต้องดำเนินชีวิตอย่างมีวิจารณญาณต่อไปในโลกแห่งโควิด-19”
“ใช่ว่าจะไม่มีมาตรการจำกัดเลย จะมีมาตรการจำกัดพื้นฐานตามสามัญสำนึก และผมจะไม่ขอเรียกมันว่าข้อจำกัด มาตรการเหล่านั้นเป็นเพียงแค่พฤติกรรมที่เราควรมีตามสามัญสำนึก” นายมอร์ริสันบอกกับ เซเวน เนตเวิร์ก (Seven Network)
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ออสเตรเลียต้องก้าวต่อไปข้างหน้า” และต้องเปิดเมืองเมื่อประชากรร้อยละ 70 ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว
“นั่นเป็นคำแนะนำที่มีให้เรา นั่นเป็นพื้นฐานของแผนนี้ ซึ่งเราทั้งหมด (ผู้นำรัฐและมณฑลต่างๆ) ได้ลงนามในแผนและเราจำเป็นต้องดำเนินการตามแผน”
นายมอร์ริสัน กล่าวว่า ข้อจำกัดที่เข้มข้น ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อประชากรออสเตรเลียกว่าครึ่งหนึ่งทั่วรัฐวิกตอเรีย นิวเซาท์เวลส์ และเอซีที ขณะนี้ จะไม่สามารถมีอยู่ต่อไปอย่างไม่มีกำหนดสิ้นสุด
“ไม่เช่นนั้น เราจะต้องอยู่ในถ้ำตลอดไป นั่นไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน” นายมอร์ริสัน กล่าว
หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่