มีการรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่หลายหมื่นรายในออสเตรเลีย แม้ว่าฤดูไข้หวัดใหญ่ยังมาไม่ถึงก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจึงแสดงความกังวลว่าประชาชนจำนวนมากอาจยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบของโรคนี้อย่างจริงจัง
ในปีนี้มีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่แล้วมากกว่า 63,000 ราย ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงในปีนี้ ประกอบกับอัตราการฉีดวัคซีนที่ยังคงต่ำอย่างต่อเนื่อง ได้สร้างความวิตกในแวดวงการแพทย์
ก่อนหน้านี้ในปีนี้ วิทยาลัยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปแห่งออสเตรเลีย (RACGP) ได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน หลังพบผู้ป่วยเกินกว่า 48,000 รายภายในไตรมาสแรกของปี
ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 มีผู้ป่วย 30,494 ราย ส่วนในปี 2023 มีเพียง 18,582 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการติดเชื้อในปีนี้พุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน
LISTEN TO
Severe 2025 flu season likely, prompting calls to get vaccinated
SBS News
06:50
ดร.ไมเคิล ไรท์ (Michael Wright) ประธานวิทยาลัยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปแห่งออสเตรเลีย (RACGP) ระบุว่า อัตราการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ลดลง และได้เตือนถึงผลกระทบร้ายแรงที่สุดของโรคนี้
"เมื่อปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่มากกว่า 1,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 67.3 เปอร์เซ็นต์จากปี 2023 ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยมากกว่า 4,200 รายที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล" เขากล่าว
แม้ว่าจะคาดการณ์จำนวนผู้ป่วยในฤดูไข้หวัดใหญ่ได้ยาก แต่เมื่อออสเตรเลียเข้าสู่ฤดูหนาว จำนวนผู้ติดเชื้อก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
การคาดการณ์ฤดูไข้หวัดใหญ่ยิ่งยากขึ้นไปอีกนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ทำให้ยังไม่แน่ชัดว่าฤดูปีนี้จะดำเนินต่อไปในทิศทางที่สร้างสถิติใหม่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์จูลี่ ลีสก์ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์กล่าวว่า ผลกระทบของไข้หวัดใหญ่อาจรุนแรงได้ แม้จะไม่ใช่ฤดูกาลที่เลวร้ายที่สุดเมื่อเทียบกับปีก่อน
"มันไม่จำเป็นต้องเป็นฤดูที่รุนแรงที่สุด เพื่อที่จะเป็นเรื่องที่สำคัญ" เธอกล่าว
ในเดือนมกราคมปีนี้ มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 16 ราย ตามรายงานจากสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย (ABS)
ผลกระทบของไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซาเอหรือบี โดยมีสายพันธุ์ย่อยหลากหลาย ซึ่งสายพันธุ์ที่ระบาดมักเปลี่ยนไปในแต่ละปี
อาการโดยทั่วไป ได้แก่ ไข้ หนาวสั่น จาม ไอ เจ็บคอ และในเด็กอาจมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารร่วมด้วย
ในบางกรณีที่พบได้น้อย โรคนี้อาจทำให้เกิดหลอดลมอักเสบอย่างรุนแรง สมองอักเสบ (encephalitis) กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis) หรือกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลันจากไวรัส (acute viral myositis) และยังเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และปัญหาหัวใจอื่นๆ
ในบางกรณีที่พบได้น้อย โรคนี้อาจทำให้เกิดหลอดลมอักเสบอย่างรุนแรง สมองอักเสบ (encephalitis) กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis) หรือกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลันจากไวรัส (acute viral myositis) และยังเป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และปัญหาหัวใจอื่นๆ
โดยมีกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส ผู้มีโรคประจำตัว ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้สูบบุหรี่ แต่ผู้ใหญ่ที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ก็อาจประสบกับภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้เช่นกัน
ทำไมชาวออสเตรเลียถึงไม่ฉีดวัคซีนมากขึ้น?
อัตราการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในออสเตรเลียมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ในปี 2020 มีประชาชนอายุระหว่าง 15 ถึง 50 ปี เพียง 13.6 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับวัคซีนภายในเดือนพฤษภาคม ตามรายงานของศูนย์วิจัยและติดตามการฉีดวัคซีนแห่งชาติ (NCIRS)
ในปีนี้ มีเพียง 8.2 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับวัคซีนจนถึงขณะนี้
ในออสเตรเลีย วัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถรับได้ฟรีสำหรับเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ชาวอะบอริจินและชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส และผู้ที่มีโรคประจำตัวบางประเภท ภายใต้โครงการฉีดวัคซีนแห่งชาติ ส่วนกลุ่มอื่นๆ ต้องจ่ายเงินเอง
นอกจากนี้ ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนในปีต่อๆ ไปมากกว่า
Vaccination rates for the flu have been trending downwards in Australia in recent years. Source: Getty / Witthaya Prasongsin
ความเชื่อเกี่ยวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
ศาสตราจารย์พอล กริฟฟิน (Paul Griffin) จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์กล่าวว่า ยังมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่มาก ซึ่งส่งผลให้หลายคนไม่อยากฉีดวัคซีน
หนึ่งในความเชื่อเหล่านี้คือ "ไม่ว่าฉีดหรือไม่ก็จะป่วยเหมือนกัน" แม้ว่าวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100% แต่ดร.กริฟฟินย้ำว่ายังมีประโยชน์สำคัญในการฉีดวัคซีน เพราะสามารถลดความรุนแรงของอาการและลดโอกาสในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
