พรรคการเมืองหลักใช้แคมเปญเลือกตั้งเพื่อมุ่งเน้นความสนใจไปที่ผู้ซื้อบ้านครั้งแรก โดยแต่ละฝ่ายได้เปิดเผยแนวทางในการเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์
โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (Anthony Albanese) ได้ให้คำมั่นว่าจะสร้างบ้านใหม่มากถึง 100,000 หลัง รวมถึงจะขยายโครงการที่อนุญาตให้ชาวออสเตรเลียซื้อบ้านด้วยเงินดาวน์เพียง 5 เปอร์เซ็นต์ หากพรรคแรงงานได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในวันที่ 3 พฤษภาคมที่กำลังจะมาถึง
ในขณะเดียวกัน ทางด้าน ได้เปิดเผยแผนการที่จะอนุญาตให้ผู้ซื้อบ้านครั้งแรกหักดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านออกจากรายได้ที่ต้องเสียภาษีได้
แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะนำเสนอแผนดังกล่าวว่าเป็นการช่วยให้คนจำนวนมากขึ้น สามารถก้าวเข้าสู่บันไดในการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ท่ามกลาง แต่อย่างไรก็ตาม แผนเหล่านี้มาพร้อมกับเสียงวิจารณ์
แผนของพรรคแรงงาน: ขยายโครงการผู้ซื้อบ้านครั้งแรกและบ้านพิเศษ
หากรัฐบาลแรงงานที่ได้รับเลือกอีกครั้ง จะทำการขยาย ซึ่งจะอนุญาตให้ใช้เงินดาวน์เพียง 5 เปอร์เซ็นต์ โดยรัฐบาลจะรับประกันอีก 15 เปอร์เซ็นต์ โดยจะให้สิทธิ์กับผู้ซื้อบ้านครั้งแรกทั้งหมด โดยผู้เข้าร่วมจะไม่ต้องจ่ายประกันสินเชื่อของผู้ให้กู้ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่อาจเพิ่มต้นทุนของเงินกู้บ้านนับพันดอลลาร์
โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026
"คนหนุ่มสาวชาวออสเตรเลียกำลังแบกรับภาระของวิกฤตที่อยู่อาศัย และรัฐบาลของเราจะลุกขึ้นมาเพื่อให้พวกเขามีโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้านของตัวเอง" รัฐมนตรีกระทรวงการเคหะ แคลร์ โอนีล (Clare O'Neil) กล่าวในแถลงการณ์
โดยส่วนหนึ่งของการขยายโครงการนี้ คือจะมีการตั้งข้อจำกัดด้านราคาทรัพย์สินจะถูกปรับเพิ่มให้สอดคล้องกับราคาบ้านเฉลี่ยในแต่ละเมืองและภูมิภาค
เพดานราคาทรัพย์สินในซิดนีย์ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 900,000 ดอลลาร์ จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านดอลลาร์ และในบริสเบนจะเพิ่มจาก 700,000 ดอลลาร์ เป็น 1 ล้านดอลลาร์ เมืองหลวงหรือศูนย์ภูมิภาคในรัฐวิกตอเรียอาจเพิ่มจาก 800,000 ดอลลาร์ เป็น 950,000 ดอลลาร์; เพิร์ธจาก 600,000 ดอลลาร์ เป็น 850,000 ดอลลาร์; แอดิเลดจาก 600,000 ดอลลาร์ เป็น 900,000 ดอลลาร์; และโฮบาร์ตจาก 600,000 ดอลลาร์ เป็น 700,000 ดอลลาร์
ทางด้านแซลลี ทินดัล (Sally Tindall) ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลของเว็บไซต์เปรียบเทียบทางการเงิน Canstar กล่าวว่าการขยายโครงการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ซื้อบ้านครั้งแรก "มีโอกาสที่เท่าเทียมกันมากขึ้น" แต่ผู้ที่พิจารณาใช้สิทธิ์ควรระมัดระวัง
Canstar ระบุว่าผู้ที่ซื้อบ้านด้วยเงินดาวน์น้อยอาจเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และโครงการนี้จะไม่อนุญาตให้ปล่อยเช่าทรัพย์สิน เว้นแต่จะได้รับการยกเว้น นอกจากนี้ยังต้องอยู่ภายใต้การพิจารณาความสามารถในการกู้ยืมของธนาคาร ซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้กู้กู้เงินเกินกว่ารายได้ที่สามารถรองรับได้
โดยทางด้านทินดัล กล่าวว่า: "โครงการนี้ไม่ได้แก้ไขปัญหาราคาทรัพย์สิน ซึ่งเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่ผู้ซื้อบ้านครั้งแรกต้องเผชิญ"

รัฐมนตรีกระทรวงการเคหะ แคลร์ โอนีล (Clare O'Neil) กล่าวว่าที่พักอาศัยที่สร้างโดยรัฐบาลจะมีราคาต่ำกว่าที่พักอาศัยที่สร้างโดยเอกชน แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดความแตกต่างของราคาดังกล่าว Source: AAP / Mick Tsikas
ในแถลงการณ์ พรรคแรงงานระบุว่าเพื่อให้โครงการเดินหน้าอย่างรวดเร็ว รัฐและเขตแดนจะเร่งกระบวนการเปิดที่ดิน การปรับผังเมือง และการอนุมัติการวางแผน
ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ Insiders ของ ABC เมื่อเช้าวันอาทิตย์ โอนีลได้ชี้แจงว่า บ้านที่รัฐบาลสร้างจะมีราคาถูกกว่าบ้านที่ภาคเอกชนสร้าง แต่ไม่ได้ระบุว่าแตกต่างกันเท่าใด
"เราจะเจรจาเป็นรายรัฐ" โอนีลกล่าว "แต่ในกรณีของรัฐเซาท์ออสเตรเลีย เรากำลังสร้างบ้านที่มีราคาย่อมเยาสำหรับผู้ที่เข้าสู่ตลาด ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 500,000 ถึง 600,000 ดอลลาร์"
พรรคแรงงานระบุว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2026 โดยผู้ซื้อจะสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ตั้งแต่ปี 2028
คำมั่นนี้เกิดขึ้นขณะที่พรรคแรงงานเผชิญกับแรงกดดันจากคำมั่นที่กว้างขึ้นว่าจะสร้าง แม้จะยังคงยืนยันว่ายังสามารถบรรลุเป้าหมายได้
แผนของฝ่ายค้าน: การหักลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน
พรรคฝ่ายค้านจะเสนอแผนการหักลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยเงินกู้บ้านสำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก
แผนนี้จะอนุญาตให้ผู้ซื้อบ้านใหม่ครั้งแรกหักดอกเบี้ยจากเงินกู้ซื้อบ้านส่วนแรก 650,000 ดอลลาร์ ได้นานห้าปีเมื่อยื่นภาษี และจะไม่มีการจำกัดราคาทรัพย์สินที่ซื้อหรือจำนวนเงินกู้
โครงการนี้จะใช้ได้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านของตนเองและผ่านเกณฑ์รายได้ โดยมีเพดานรายได้ที่ 175,000 ดอลลาร์สำหรับผู้โสด และ 250,000 ดอลลาร์สำหรับคู่รัก

ภายใต้แผนจากพรรคฝ่ายค้าน ผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่เป็นบ้านใหม่จะสามารถหักดอกเบี้ยจากเงินกู้ซื้อบ้านส่วนแรก 650,000 ดอลลาร์ ได้นานห้าปีเมื่อยื่นภาษี Source: AAP / Fabian Strauch/DPA
โดยแผนนี้เป็นที่เข้าใจว่าพรรคฝ่ายค้านจะผลักดันกฎหมายเพื่อรองรับโครงการนี้ภายใน 100 วันแรกของการเข้ารับตำแหน่ง
ทางด้าน Maiy Azize โฆษกของแคมเปญเคหะแห่งชาติ Everybody’s Home เรียกแผนนี้ว่า "รูปแบบหนึ่งของการลดหย่อนภาษีเนกาทีฟ เกียริง (negative gearing) สำหรับผู้ที่ไม่ใช่นักลงทุน" ซึ่งอาจทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น
"เพื่อให้ที่อยู่อาศัยมีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น เราจำเป็นต้องยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่สร้างเพิ่มขึ้น" เธอกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญคิดว่าอย่างไร?
จากการให้สัมภาษณ์กับ SBS News ก่อนการเปิดตัวแผน เมื่อมีรายงานของสื่อได้เปิดเผยเกี่ยวกับแผนการดังกล่าว นักเศรษฐศาสตร์ คริสต์ ริชาร์ดสัน (Chris Richardson) กล่าวว่าแผนของทั้งสองฝ่ายนั้น "ค่อนข้างไร้เหตุผล" และจะทำให้ที่อยู่อาศัยมีราคาสูงขึ้น
"ทั้งสองฝ่ายสัญญาว่าจะให้เงินมากขึ้นแก่ผู้ซื้อบ้านครั้งแรก แต่เงินไม่ใช่ปัญหา" เขากล่าว "ปัญหาของเราคือมีบ้านไม่เพียงพอในออสเตรเลีย"
ทางด้านไมเคิล ฟอเธอริงแฮม (Michael Fotheringham) กรรมการผู้จัดการของสถาบันวิจัยเคหะและการพัฒนาเมืองแห่งออสเตรเลีย กล่าวก่อนการเปิดตัวเช่นกันว่า การผ่อนคลายเพดานราคาในโครงการรับประกันบ้านครั้งแรกนั้นเหมาะสมในสภาพตลาดปัจจุบัน
"ไม่มีประโยชน์ที่จะมีโครงการที่ไม่มีใครเข้าถึงได้ เพราะเพดานไม่สอดคล้องกับราคาทรัพย์สินและรายได้ของครัวเรือน" ฟอเธอริงแฮมกล่าว "ผมคิดว่านี่เป็นการปรับที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง"
เขากล่าวว่าการสร้างบ้าน 100,000 หลังสำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรกคือ "ส่วนที่สำคัญที่สุด" ของการประกาศของพรรคแรงงาน
"นี่คือมาตรการด้านอุปทานที่ใหญ่โต ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การสร้างบ้านที่เข้าถึงได้ แทนที่จะให้เงินทุนผ่านบุคคลที่สาม" ฟอเธอริงแฮมกล่าว
"แต่ละรัฐและเขตแดนจะมีแนวคิดของตนเองเกี่ยวกับสิ่งที่เหมาะสม สิ่งที่สร้างในซิดนีย์จะต่างจากสิ่งที่สร้างในเมืองอย่าง Dubbo หรือ Geelong ดังนั้นจะมีความหลากหลายอยู่พอสมควร"
เขากล่าวว่าเขารู้สึกว่านี่เป็นแนวทางที่ดีต่อชาวออสเตรเลียที่อาศัยในเมืองใหญ่
"น่าจะมีความหลากหลายอยู่มากทั่วประเทศ แต่ผมคิดว่ามันจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่"