การขอขึ้นเงินเดือนอาจเป็นเรื่องที่หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีกลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ค่าจ้างในออสเตรเลียแทบไม่มีการขยับเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้นกลับทำให้ลูกจ้างหลายคนเดือดร้อนมากกว่าเดิม
องค์กรเพอร์ แคพิทา (Per Capita) ระบุว่าในช่วงปี 2012 ถึง 2022 ชาวออสเตรเลียเผชิญกับผลกระทบจาก “ทศวรรษแห่งการหยุดนิ่งของค่าแรง”
โดยรายงานฉบับหนึ่งที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนมีนาคม พบว่า หากค่าจ้างยังคงเติบโตตามค่าเฉลี่ยในอดีต รายได้เฉลี่ยต่อปีของคนทำงานในปัจจุบันจะสูงกว่าที่เป็นอยู่เกือบ 12,000 ดอลลาร์
ขณะที่การวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยออสเตรเลีย (Australia Institute) เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังชี้ว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา มาตรฐานการครองชีพของแรงงานออสเตรเลียลดลงเฉลี่ยประมาณ 8,000 ดอลลาร์
สำหรับใครที่กำลังคิดจะขอขึ้นเงินเดือน เดวิด คอว์ลีย์ จากบริษัทจัดหางาน เฮย์ (Hays) บอกกับพอดคาสต์ Cost of Living Secrets ของ เอสบีเอส นิวส์ (SBS News) ว่า มีหลายเรื่องที่ควรพิจารณาก่อนจะเริ่มพูดคุยกับหัวหน้าในเรื่องนี้
กล้าที่พูดเรื่องเงินเดือนก่อน
จากรายงานของฟินเดอร์ (Finder) ที่เผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน พบว่า ชาวออสเตรเลีย 1 ใน 5 คน เคยขอขึ้นเงินเดือนในรอบปีที่ผ่านมา โดยผู้ชายมีแนวโน้มจะขอมากกว่าผู้หญิง (ร้อยละ 24 เทียบกับร้อยละ 14)
แม้คอว์ลีย์จะบอกว่ามีหลายคนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อต้องพูดเรื่องเงิน และกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ แต่โดยทั่วไปแล้ว พนักงานควรเป็นฝ่ายเริ่มต้นการพูดคุยเรื่องเงินเดือน
"มีนายจ้างบางรายที่เปิดกว้างและอาจหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาในการประเมินผลงานประจำปี แต่โดยทั่วไป ผมแนะนำว่าพนักงานควรเป็นฝ่ายเริ่มต้นเรื่องนี้ก่อน" คอว์ลีย์กล่าว
LISTEN TO

จะขอขึ้นเงินเดือนอย่างไรในออสเตรเลีย
SBS Thai
10:20
แม้ว่าหลายธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจแบบเดียวกับที่ลูกจ้างต้องเผชิญ และเงินเดือนก็เป็นต้นทุนก้อนใหญ่ของนายจ้าง แต่คอว์ลีย์ชี้ว่า “มีวิธีที่เหมาะสม” ในการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุย เช่น
เตรียมข้อมูลให้พร้อม
คอว์ลีย์แนะนำว่า พนักงานควรมีเหตุผลและข้อมูลรองรับเมื่อต้องการขอขึ้นเงินเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเข้าใจช่วงเงินเดือนเฉลี่ยในอุตสาหกรรมของตน
การทบทวนผลงานที่ตนเองมีต่อองค์กร และสามารถอธิบายมุมมองของตนได้อย่างชัดเจน ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเจรจาให้สำเร็จ
“สำหรับผมแล้ว สิ่งสำคัญคือคุณต้องอธิบายให้ได้ว่า ‘ทำไมผมถึงเป็นคนที่องค์กรนี้ขาดไม่ได้’” คอว์ลีย์กล่าว
พิจารณาในสิ่งที่คุณร้องขอ
คอว์ลีย์กล่าวว่า การเตรียมข้อมูลล่วงหน้าควรครอบคลุมถึงสิ่งที่คุณจะร้องขอด้วย โดยพนักงานควรมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนจะประชุมเรื่องนี้
เขาแนะนำให้พนักงานกำหนดตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการขึ้นเงินเดือนให้แน่นอนก่อนพูดคุย
ในกรณีที่บริษัทไม่สามารถขึ้นเงินเดือนได้ อาจเตรียมคำขอสำรองไว้ เช่น สิทธิประโยชน์อื่น ๆ แทน
“เงินเดือนอาจไม่ใช่ทุกอย่าง จริง ๆ แล้ว จากการวิจัยและข้อเสนอแนะที่เราได้รับ พบว่าคนให้ความสำคัญกับเรื่องเวลาและความยืดหยุ่นมากกว่า ซึ่งบางครั้งมีค่ามากกว่าเงินเสียอีก” เขากล่าว
คอว์ลีย์แนะนำว่า หากบริษัทไม่สามารถขึ้นเงินเดือนให้ได้จริง ๆ ก็ควรเตรียม “แผนสำรอง” ไว้เจรจา เช่น ขอวันหยุดเพิ่ม เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น หรือสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ช่วยชดเชยกันได้
เลือกจังหวะให้เหมาะ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ “เวลา” ที่จะขอขึ้นเงินเดือน โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ มักจะมีรอบการประเมินผลงานประจำปี ซึ่งเหมาะที่สุดในการหยิบเรื่องนี้มาพูดคุย ส่วนธุรกิจขนาดเล็กควรพิจารณาว่าช่วงเวลาไหนที่ธุรกิจมีความพร้อมทางการเงิน เช่น
“ถ้าคาเฟ่ปิดทำการช่วงธันวาคมถึงมกราคมเพราะเป็นช่วงวันหยุด แล้วคุณไปขอขึ้นเงินเดือนทันทีวันที่ 1 กุมภาพันธ์ตอนเปิดร้านใหม่ แบบนั้นก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่” เขากล่าว
อีกสิ่งที่ควรคำนึงคือ สถานะทางการเงินของธุรกิจ หากองค์กรมีผลประกอบการไม่ดีในปีงบประมาณที่ผ่านมา ก็อาจไม่พร้อมเปิดรับการเจรจาเรื่องขึ้นเงินเดือน
พิจารณาข้อเสนอจากบริษัทอื่น
คอว์ลีย์แนะนำว่า หากคุณได้รับข้อเสนอจากบริษัทอื่น ก็สามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการพูดคุยเรื่องเงินเดือนในที่ทำงานปัจจุบันได้ แต่ควรสื่อสารด้วยความระมัดระวัง
“คำแนะนำของผมคือ ให้บอกว่า มีบริษัทอื่นติดต่อมาเสนอความเป็นไปได้ในตำแหน่งใหม่ๆ แต่คุณยังรู้สึกพอใจและสบายใจกับบทบาทในองค์กรปัจจุบัน เพียงแต่ข้อเสนอนั้นทำให้คุณกลับมาทบทวน เพราะมีเรื่องเงินเดือนที่สูงกว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ” เขากล่าว
ปรึกษาคนที่ไว้ใจได้
แม้ว่าจะมีคอร์สออนไลน์หรือแพลตฟอร์มมากมายที่ช่วยสอนทักษะการเจรจาเรื่องเงินเดือน แต่คอว์ลีย์แนะนำว่า การขอคำแนะนำจากเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจได้หรือคนในครอบครัว ก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้คุณเตรียมตัวได้ดีขึ้น
“เนื้อหาออนไลน์ช่วยเรื่องโครงสร้างการพูดได้เยอะ แต่สิ่งสำคัญจริง ๆ คืออารมณ์และวิธีการพูดในขณะที่คุณกำลังเปิดบทสนทนา นั่นแหละคือสิ่งที่จะช่วยให้คุณเจรจาได้ดีขึ้น” เขากล่าว