อัปเดตข่าวดี น้องเจเดนที่ป่วยเป็นมะเร็งสมองที่พบได้ยาก หมออนุญาตให้กลับบ้านได้

ล่าสุดทางคุณพ่อของน้องเจเดน ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งประเภท ETMR ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบได้ยากและค่อนข้างอันตราย ได้เผยว่า ตอนนี้คุณหมออนุญาตให้เจเดนสามารถกลับบ้านได้แล้ว เพราะน้องไม่ต้องได้รับตัวยาพิเศษอื่นๆ ผ่านพอร์ทที่ช่องอกแล้ว

Photo-Jaden  (9).jfif

น้องเจเดนขณะรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เพิร์ธ Credit: Supplied

หลังจากเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเด็กในเมืองเพิร์ธตั้งแต่ 29 ต.ค.2024 - 16 ม.ค.2025 รวม 80 วัน ล่าสุดทางคุณต่อ คุณพ่อของน้องเจเดน ซึ่งป่วยเป็นมะเร็งประเภท ETMR ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบได้ยากและค่อนข้างอันตราย ได้เผยว่า ตอนนี้แพทย์อนุญาตให้เจเดนสามารถกลับบ้านได้แล้ว เพราะน้องไม่ต้องได้รับตัวยาพิเศษอื่นๆ ผ่านพอร์ทที่ช่องอกแล้ว หลังจากรับการรักษาแบบผ่าตัดเปิดกะโหลกและได้รับคีโมบำบัด 2 สัปดาห์ รวมถึงรับการฉายแสงโปรตรอนต่ออีก 28 ครั้ง
“ผลการรักษาร่างกายเจเดนตอบรับได้ดี ไม่มีอาการแพ้ยาหรือฉายแสง แต่คุณหมอยังกังวลเรื่องโภชนาการที่น้องอาจจะได้รับไม่เพียงพอ และก้อนเนื้อที่ยังคงเหลืออยู่บริเวณโพรงจมูก ทำให้ไม่สามารถใส่สายอาหารผ่านท่างจมูกได้” พ่อน้องเจเดนเผย

เขากล่าวอีกว่า ทางแพทย์ได้เสนอแผนเจาะท่อให้อาหารผ่านช่องท้องโดยตรง (เหมือนป่วยโรคไตที่สวนล้างด้วยตัวเอง) ซึ่งมีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูงมาก

“ทางพ่อ แม่ และทีมพยาบาลจึงตัดสินใจไม่ใส่ท่ออาหารผ่านช่องท้อง เพราะเจเดนยังสามารถรับประทานอาหารผ่านทางปากได้ และสิ่งที่คุณหมอให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษคือ ไข้ขึ้นสูงจากการติดเชื้อ โดนให้หมั่นวัดไข้น้อง ถ้าอุณหภูมิสูงเกิน 37.8 องศา ให้รีบพาน้องมาที่ รพ.ภายใน 1 ชั่วโมง”
Photo-Jaden  (14).jfif
น้องเจเดนหลังผ่าตัด Credit: Supplied
“เด็กที่รับการรักษามะเร็งที่สามารถกลับบ้านได้ทุกคน จะต้องคำนึงถึงจุดนี้เหมือนกัน โดยระหว่างที่เจเดนรักษาที่โรงพยาบาลสองเดือนครึ่ง เพื่อนๆ เจเดนหลายคนก็วนกลับมาที่โรงพยาบาลเพราะมีไข้ครับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ” พ่อน้องเจเดนเผยกับ เอสบีเอสไทย

ส่วนแผนการรักษาต่อไปจากนี้นั้น คุณต่อระบุว่า แพทย์จะนัดตรวจเลือดทุกสัปดาห์ เพราะเจเดนยังมีการให้เกล็ดเลือดและฮีโมโกลบินอยู่ระหว่างเดือนธันวาจนถึงปัจจุบัน เจเดนรับเลือดเพิ่มไป 6 ถุง และเจเดนจะได้รับการแสกน MRI แบบเต็มรูปแบบอีกครั้งกลางเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อหมอจะวางแผนผ่าตัดเอาก้อนเนื้อที่สลายและฝ่อลงออกได้หรือไม่ และวางแผนผ่าตัดส่วนประสาทตาด้านขวาที่ถูกก้อนเนื้อเบียดบังจนไม่สามารถเปิดหนังตาบนได้เต็มที่ รวมถึงวางแผนเรื่องการมองเห็นของตาขวาด้วยครับ หลังจากที่น้องสูญเสียการมองเห็นไประหว่างรอผลตรวจชิ้นเนื้อที่ต้องใช้เวลามากกว่าปกติ

“โดยปัจจุบัน น้องยังมีก้อนเนื้อเหลืออยู่และได้สลายตัวไปบ้างแล้ว โดยกลายสภาพเป็นของเหลวข้นใสเหมือนเสมหะและเป็นลิ่มเลือดไหลผ่านทางจมูกและคอ”

“หมออธิบายเพิ่มเติมว่าโดยปกติ ETMR จะโตเร็วมาก เพิ่มขนาด 2 เท่าในทุกๆ 2-3 สัปดาห์ และผลจากสถิติ มันจะกลับมาอีก เพราะสาเหตุก้อนเนื้อชนิดนี้มาจากยีนส์ตัวหนึ่งที่อยู่ใน DNA ของทุกคน จึงต้องได้รับการตรวจแสกนอย่างสม่ำเสมอ” เขาเผยอาการเพิ่มเติม
Photo-Jaden  (5).jfif
เจเดนป่วยเป็นมะเร็งสมอง ETMR Credit: Supplied
คุณต่อยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้พวกเขาได้เข้าร่วมแชร์ประสบการณ์แลกเปลี่ยนในกลุ่มของผู้ป่วย ETMR ซึ่งโรคนี้มีจำนวนผู้ป่วย 300 คนในโลกที่ได้มีการบันทึกไว้ และยังมีลูกหลานเด็กๆ อีกหลายคนที่กำลังรักษาอยู่ทั่วโลก

ซึ่งหนึ่งในนี้มีเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ที่โรงพยาบาลเด็กในเมืองเพิร์ธ ที่เจเดนได้รับการรักษาอยู่ก็กำลังรับคีโมบำบัดแบบไฮโดสอยู่ ณ ตอนนี้ โดยน้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาเวลาไล่เลี่ยกับเจเดน เจเดนเริ่มมีอาการตอนกลางเดือนกันยา ส่วนเด็กหญิงเริ่มมีอาการตอนสิงหาคม

“ขณะที่อยู่ในโรงพยาบาลเจเดนกับน้องจะแวะทักทายกันทุกวัน”

พ่อน้องเจเดนยังกล่าวอวยพรให้ผู้ป่วยทุกคนในทุกๆ โรคภัยเข้มแข็ง และได้รับการรักษาที่ดีและปลอดภัย ณ ที่นี้

“ขอบคุณทุกความเมตตาที่ส่งให้เจเดนนะครับ”

Share
Published 20 January 2025 2:42pm
Updated 20 January 2025 6:36pm
By Chollada Kromyindee
Source: SBS

Share this with family and friends