ลูอิซา* วัย 25 ปี ชาวซิดนีย์ เพิ่งหายจากโควิด-19 และได้รับอนุญาตให้สิ้นสุดการกักตัวที่บ้าน 14 วันจากสาธารณสุขนิวเซาท์เวลส์ (NSW Health) เมื่อต้นเดือนนี้
แต่ถึงแม้จะได้รับการรับรองทุกอย่าง และรู้สึกว่าหายดีแล้วจากการป่วย แต่ผลสะท้อนที่ตามมาภายหลังของการติดเชื้อโควิด-19 ยังคงอยู่
ผู้คนยังคงกลัวหรือตระหนกอยู่บ้างเมื่อคุณบอกพวกเขาว่าคุณเคยติดเชื้อโควิด
“สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือบางครั้งและในบางสถานการณ์ มันก็เป็นเรื่องตลก และคุณสามารถพูดเล่นในเรื่องนี้กับคนที่เป็นเพื่อนกันได้ อะไรทำนองนั้น แต่ในสถานการณ์อื่นๆ มันค่อนข้างน่าหงุดหงิด ฉันคิดว่าผู้คนยังคงกลัวหรือตระหนกอยู่บ้างเมื่อคุณบอกพวกเขาว่าคุณเคยติดเชื้อโควิด” ลูอิซา กล่าว
“พวกเขาคิดว่าคุณยังคงมีเชื้ออยู่ แม้ว่าคนที่มีความคิดปกติดีคงไม่มีใครที่จะออกไปข้างนอกขณะที่ยังคงสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้”
และผู้รอดชีวิตจากโควิด-19 ไม่ได้เพียงแค่เผชิญกับตราบาปที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสชนิดนี้เท่านั้น
พวกเขายังต้องฝ่าฟันอุปสรรคด้านกฎระเบียบและมาตรการด้านความปลอดภัยต่างๆ เมื่อกลับเข้าสู่ 'เศรษฐกิจสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วเท่านั้น'
ตัวอย่างเช่น สาธารณสุขนิวเซาท์เวลส์ ไม่แนะนำให้รับการตรวจเชื้อไวรัสเป็นประจำอย่างน้อย 6 เดือนหลังจากฟื้นตัวแล้ว เนื่องจากผู้คนยังคงสามารถพบผลการตรวจเชื้อเป็นบวกได้ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้แล้วก็ตาม
แต่ลูอิซาจำเป็นต้องตรวจเชื้อด้วยอุปกรณ์ตรวจเชื้อแบบทราบผลรวดเร็วทุกวันในที่ทำงานของเธอ และยังมีการขอให้เธอแสดงผลการตรวจเชื้อแบบพีซีอาร์ ที่มีผลเป็นลบ จึงจะสามารถไปเข้าร่วมการนัดหมายอื่นๆ ได้
“การพยายามนัดเวลาเพื่อพบแพทย์หรือพยายามนัดเพื่อพบทันตแพทย์นั้น ไม่ใช่ว่าเราจะถูกปฏิเสธเสมอไป หรือไม่ใช่ว่าพวกเขาจะบอกว่า คุณไม่สามารถจองเวลานัดได้ แต่ทันทีที่พวกเขารู้ มันก็จะประมาณว่า ‘บางทีเราอาจจองนัดให้คุณได้ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า'" ลูอิซา กล่าว
ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วในรัฐนิวเซาท์เวลส์และในรัฐและมณฑลอื่นๆ ทั่วประเทศจะต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน พร้อมเครื่องหมายถูกสีเขียวขนาดใหญ่ในใบรับรอง เพื่อจะสามารถเข้าถึงธุรกิจและบริการได้แต่ลูอิซาไม่สามารถรับวัคซีนโดสที่สองของเธอได้เนื่องจากเพิ่งหายจากการติดเชื้อได้ไม่นานพอ เธอจึงได้รับเอกสารที่แตกต่างออกไป ซึ่งได้แก่ใบแจ้งการยกเว้นทางการแพทย์ (medical clearance notice) จากสาธารณสุขนิวเซาท์เวลส์
Melburnians at Cafe Chez Mademoiselle in Prahran, October 22, 2021. Source: AAP
เอกสารนี้ควรช่วยให้เธอเข้าถึงบริการและกิจกรรมต่างๆ ได้เช่นเดียวกับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว แต่ธุรกิจและคลินิกหลายแห่งไม่คุ้นเคยกับเอกสารที่เธอแสดงให้พวกเขาดู
“ฉันเข้าใจดีว่าผู้คนต้องการอยู่อย่างปลอดภัย แต่ฉันก็ไม่ต้องการที่จะต้องอธิบายในทุกๆ สถานที่ที่ฉันไปว่าเหตุใดฉันจึงไม่สามารถรับการตรวจเชื้อได้ และเครื่องหมายถูกที่ฉันมีจึงดูแตกต่างไปของคนอื่น การที่ต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ธุรกิจต่างๆ ฟังทุกครั้ง มันน่าหงุดหงิดใจอยู่บ้าง”
โฆษกของสาธารณสุขนิวเซาท์เวลส์ บอกกับ เอสบีเอส นิวส์ (SBS News) ว่ารัฐบาลได้ปรึกษากับชุมชนธุรกิจเกี่ยวกับประเภทของข้อยกเว้นที่ยอมรับได้ ซึ่งรวมถึงใบแจ้งการยกเว้นทางการแพทย์ (medical clearance notice)
สาธารณสุขนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า เพื่อช่วยเหลือธุรกิจและประชาชนทั่วไป
แต่คุณเอียน นีล ทนายความด้านการจ้างงาน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎบังคับให้ฉีดวัคซีน เห็นด้วยว่าจำเป็นต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจกันมากขึ้น เนื่องจากโควิด-19 กำลังกลายเป็นโรคประจำถิ่น (endemic)
“ในตอนนี้ ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่คนที่ไม่เคยติดเชื้อไวรัสเพราะพวกเราส่วนใหญ่ไม่เคยติดเชื้อ แต่สถานการณ์นั้นกำลังจะเปลี่ยนไป ดังนั้นเราจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้น” คุณนีล กล่าว
“มันเป็นปัญหาของเรื่องความรู้ความเข้าใจจริงๆ … ผมคิดว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ก้าวออกหน้าที่ในประเด็นนี้แล้ว และไม่ได้ให้ข้อมูลที่ผู้คนต้องการ”พญ. เอลิซาเบธ โอลิเวอร์ เป็นแพทย์ทั่วไป (GP) ในซิดนีย์ กล่าวว่า คาดว่าจะมีความตระหนักรู้ในเรื่องนี้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นที่หายป่วยจากเชื้อโควิด-19 จะกลับเข้ามามีส่วนร่วมในชุมชนอีกครั้ง
A customer receives a hair cut at Jinas Hairdressing in Canberra, Friday, October 15, 2021. Source: AAP
“เรามีผู้คนจำนวนมากที่ออกมาจากการกักตัว และเราในฐานะชุมชนที่กำลังปรับตัวเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นขณะที่มันกำลังเกิดขึ้นตอนนั้นเลย ดังนั้นผู้คนจึงอาจไม่ทราบว่าเราจะปฏิบัติอย่างไรต่อผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด" พญ. โอลิเวอร์ กล่าว
“พวกเขาควรได้รับการฉีดวัคซีนหลังหายป่วยแล้วเร็วแค่ไหน? พวกเขามีแอนติบอดีเพียงพอที่จะปกป้องตนเองหรือไม่? สิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้รู้กันอย่างกว้างขวางในหมู่ชุมชน”
คุณเดวิด แอนเดอร์สัน นักไวรัสวิทยาและเป็นรองผู้อำนวยการสถาบันเบอร์เนต (Burnet) ซึ่งจัดทำแบบจำลองสถานการณ์ให้กับรัฐบาลของรัฐและมณฑลต่างๆ เกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 กล่าวว่า สถานการณ์เช่นที่เกิดขึ้นกับลูอิซานั้นเป็นความโชคร้าย
“นับเป็นโชคร้ายที่ผู้คนบังเอิญไปตกอยู่ในพื้นที่สีเทา (สถานการณ์ที่มีความซับซ้อนไม่ตรงไปตรงมา) เช่นนั้น และไม่ใช่ความผิดของพวกเขาที่พวกเขาติดโควิด พวกเขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและกักตัวจนกระทั่งพวกเขาได้รับแจ้งว่าสามารถกลับเข้าไปในชุมชนได้” คุณแอนเดอร์สัน กล่าว
“แต่ตอนนี้ กฎที่ผู้คนกำหนดขึ้นเพื่อปกป้องสถานที่ทำงานและชุมชนของพวกเขา ยังตามความเป็นจริงไม่ทัน จึงทำให้ขณะนี้มีผู้คนหลายพันคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ของลูอิซา”
เขากล่าวว่าผู้คนจะต้องอดทนรอต่อไปสักนิด เนื่องจากกฎและข้อบังคับที่แตกต่างกันนั้นจะได้รับการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนเมื่อเวลาผ่านไป
“ผมมีเห็นใจต่อสาธารณสุขในแต่ละรัฐเป็นอย่างมาก ที่ต้องพยายามระบุรายละเอียดของสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ประชาชนจึงต้องพยายามเข้าใจว่า ชีวิตไม่ได้สมบูรณ์แบบ เพราะในขณะที่เรากำลังพยายามในส่วนของเราอย่างดีที่สุด แต่สิ่งต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว”
ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ จะไม่ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนอีกต่อไปเมื่อรัฐมีอัตราประชากรร้อยละ 95 ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว หรือในวันที่ 15 ธันวาคม 2021 แล้วแต่ว่าจากทั้งสองอย่างนี้ อะไรจะเกิดขึ้นก่อน
ตอนนี้เราอาจจำเป็นต้องพูดถึงว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังติดโควิดแล้ว
ลูอิซากล่าวว่า เธอตั้งตารอที่จะได้รับวัคซีนโดสที่สอง ซึ่งมีคำแนะนำให้ฉีดได้หลังหายป่วยแล้วอย่างน้อย 6 สัปดาห์ เแต่เธอก็ยังต้องการเห็นการที่ชุมชนมีความตระหนักรู้มากขึ้นเกี่ยวกับชีวิตหลังติดโควิด-19
“เช่นเดียวกับที่เรามีการสื่อสารเกี่ยวกับการเรียนรู้ถึงอาการและเรียนรู้สิ่งที่ควรทำเพื่อไม่ให้ติดโควิด แต่ฉันคิดว่าตอนนี้เราอาจจำเป็นต้องพูดถึงว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังติดโควิดแล้ว” ลูอิซา กล่าวทิ้งท้าย
*ไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ
ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ตัวเลขตกงานยังสูงในออสเตรเลีย