ผู้อพยพย้ายถิ่นฐานใหม่จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ารับเงินสวัสดิการนิวสตาร์ท (Newstart) สำหรับช่วงเวลาสี่ปีแรกในประเทศออสเตรเลีย ภายใต้การปฏิรูปโดยรัฐบาลของนายมอร์ริสัน ซึ่งจะผ่านรัฐสภาในอีกไม่นานนี้หลังจากที่สามารถตกลงกันได้แล้วกับพรรคแรงงาน
ฝ่ายค้านได้ต่อรองให้มีความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อร่างกฎหมายดังกล่าว และตอนนี้ก็ยินยอมให้การสนับสนุน โดยกล่าวว่า เป็นการดีที่สามารถบรรลุข้อตกลงซึ่งพวกเขานั้น “อยู่ด้วยได้” (could “live with”) กว่าที่จะเปิดโอกาสให้พรรควันเนชันมีโอกาสที่จะได้ทำข้อตกลง
ร่างกฎหมายเดิมนั้นจะให้ผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน
ภายใต้ข้อตกลงกับพรรคแรงงาน ระยะเวลารอคอยจะถูกลดลงเหลือเพียงหนึ่งถึงสองปีสำหรับเงินที่จ่ายผู้ให้การดูแล (carers’ payment) เงินสำหรับการหยุดงานของบิดามารดา และเงินผลประโยชน์ครอบครัวทางภาษีประเภท เอ (Family Tax Benefit A) แต่ก็จะยังคงเป็นระยะเวลาสี่ปีสำหรับเงินนิวสตาร์ท ซึ่งเป็นเงินหลักสำหรับการว่างงาน หรือที่เรียกกันทั่วๆ ไปว่าเงินโดล (dole)
รัฐมนตรีเงาของฝ่ายค้านด้านการคลัง นายคริส โบเวน กล่าวว่า พรรคแรงงานจะ “ไม่มีวัน” สนับสนุนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวในรูปแบบเดิม แต่ก็กล่าวว่า ความเปลี่ยงแปลงต่างๆ ที่ตกลงกันได้นั้น ขนะนี้ได้ทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นร่างกฎหมายที่ทางพรรคสามารถ “อยู่ด้วยได้”
โดยเขากล่าวว่า ทางคณะสส. ได้ลงชื่ออนุมัติข้อตกลงดังกล่าวเมื่อวันอังคาร (26 พ.ย.) ที่ผ่านมา“สิ่งที่เราได้ทำลงไปก็คือการช่วยเหลือครอบครัวเป็นจำนวนหลายแสนครอบครัวไม่ให้ได้รับผลกระทบ และยังได้ลดผลกระทบลงเป็นอย่างมาก จากการรอคอยเป็นระยะเวลาสี่ปี ลงเหลือหนึ่งถึงสองปีในกรณีเกือบทั้งหมด ซึ่งนั่นเป็นผลลัพธ์ที่ดี ผลลัพธ์ที่ดีกว่า” นายโบเวนกล่าวกับเอสบีเอสนิวส์
Shadow Treasurer Chris Bowen says the changes are ones the party could “live with”. Source: AAP
เขายังกล่าวว่า การปฏิเสธที่จะไม่เจรจาเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวนั้นก็จะ “เปิดประตูให้กับพรรคการเมืองเช่นวันเนชัน และ เฟรเซอร์ แอนนิง มาเจรจากับรัฐบาลในเรื่องนี้”
“เรามีมุมมองที่ว่า มันดีกว่าหากจะเจรจากับรัฐบาลด้วยตัวของพวกเราเอง โดยพยายามและให้ได้มาซึ่งวิธีการจัดการที่เราสามารถจะอยู่ด้วยได้ และสนับสนุนได้ด้วยมโนธรรมที่ดี และนั่นก็เป็นสิ่งที่เราได้ทำลงไป”
รัฐมนตรีการคลัง นายมาเธียส คอร์มันน์ กล่าวว่ารัฐบาลสามารถบรรลุ “ฉันทามติ” กับพรรคแรงงานได้แล้ว และยังกล่าวว่ามาตรการต่างๆ ดังกล่าวจะทำให้ประหยัดงบประมาณไปได้ 1.3 พันล้านดอลลาร์ จากการลดการใช้จ่ายด้านสวัสดิการในระยะเวลาสี่ปีข้างหน้านี้
สส. ฝ่ายรัฐบาล นายพอล เฟลตเชอร์ กล่าวว่า ผู้ถือวีซ่าทักษะและวีซ่าครอบครัวนั้นควรที่จะ “อยู่ได้ด้วยตัวเอง” เมื่อพวกเขาเดินทางมาประเทศออสเตรเลีย และไม่ควรจะคาดหวังความช่วยเหลือจากเซ็นเตอร์ลิงค์ในทันที
ได้มีการเตรียมการเพื่อออกกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่มีการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินปี 2018 เมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งในขณะนี้ก็จะมีข้อแก้ไขต่างๆ ที่จะสะท้อนให้เห็นถึงเนื้อหาของข้อตกลงข้างต้น
การประนีประนอมที่เกิดขึ้นนั้นได้รับการชมเชยจากทาง FECCA ซึ่งเป็นหน่วยงานสูงสุดของชุมชนชาติพันธุ์ในประเทศออสเตรเลีย
“ข้อเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้จะช่วยปกป้องผู้มาถึงใหม่ซึ่งมีความเปราะบางมากที่สุดและครอบครัวของพวกเขา จากระยะเวลารอคอยใหม่สี่ปีสำหรับเงินผลประโยชน์” ประธานของ FECCA นางแมรี พาเทตซอส กล่าวผ่านแถลงการณ์
FECCA chair Mary Patetsos. Source: SBS News
แต่พรรรคกรีนส์นั้นวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงดังกล่าวอย่างหนักหน่วง โดยกล่าวว่า ระยะเวลารอคอยสี่ปีสำหรับเงินนิวสตาร์ทนั้นเป็นการ “ทำโทษ” และไม่ยุติธรรม
โดยพวกเขากล่าวว่าผู้อพยพย้ายถิ่นฐานควรจะมีสิทธิ์ที่จะเข้าใช้ความช่วยเหลือในระดับเบื้องต้นที่สุดของการประกันสังคมเมื่อพวกเขาจำเป็น โดยหากว่าพวกเขานั้นคาดว่าเป็นผู้ที่จ่ายภาษี
วุฒิสมาชิกของพรรคกรีนส์ นายนิค แมคคิม กล่าวกับเอสบีเอสนิวส์ว่า ฝ่ายค้านนั้นไม่ได้จำเป็นต้องทำการประนีประนอม เนื่องจากจำนวนในสภาผู้แทนราษฎรและในวุฒิสภานั้นก็อาจเพียงพอที่จะยับยั้งกฎหมายดังกล่าวได้อยู่แล้ว
“เราคิดว่า มีความเป็นไปได้ที่พวกเราอาจสามารถยับยั้งร่างกฎหมายนี้ไม่ให้ผ่านรัฐสภาเลยก็ได้ หากว่าพรรคแรงงานนั้นยืนกราน ดังนั้นเราจึงรู้สึกผิดหวังที่พวกเขานั้นอ่อนข้อและทำการตกลงกับทางพรรคร่วม” เขากล่าว
“เราอยากจะเห็นพรรคแรงงานนั้นยืนกราน และเป็นส่วนหนึ่งของแนวร่วมเพื่อหยุดยั้งการผ่านกฎหมายดังกล่าวในรัฐสภานี้ เพราะว่ากฎหมายดังกล่าวนั้นมีบทบาทในลักษณะที่เป็นการลงโทษ ต่อเหล่ากลุ่มผู้อพยพย้ายถิ่นฐานสู่ประเทศออสเตรเลียซึ่งมีขนาดใหญ่”
ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้ ซึ่งทางรัฐบาลได้ยื่นเสนอ
โดยรัฐบาลจะพยายามผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวก่อนที่รัฐสภาจะถึงช่วงวันหยุดคริสต์มาส
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
วีซ่าออสฯ ยากขึ้นหากทำความรุนแรงในครอบครัว