พรรคการเมืองจำนวนหนึ่งซึ่งต่อต้าน คสช. ได้รวมขั้วกันที่ประเทศไทยเมื่อวานนี้ โดยให้สัตยาบันที่จะขัดขวางพรรคการเมืองซึ่งหนุนหลังโดยทหาร โดยเป็นความพยายามหยุดยั้งการอยู่ในอำนาจของ คสช.
การเมืองไทยในขณะนี้อยู่ในภาวะหยุดชะงักหลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ต่างก็อ้างสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล ท่ามกลางข้อกล่าวหาต่างๆ ว่าการลงคะแนนนั้นไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผน และผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผย
พรรคการเมืองเจ็ดพรรคซึ่งต่อต้าน คสช. นำโดยพรรคเพื่อไทยกล่าวว่าพวกตนได้รวมพลังกัน และอ้างว่าได้รับชัยชนะเนื่องจากมีจำนวน สส. เพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่สนใจพันธมิตรขั้วซึ่งทหารหนุนหลังนำโดยพรรคพลังประชารัฐ
“เราต้องการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยกล่าวในการแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ (27 มี.ค.) ในการประกาศการรวมขั้วกัน
กลุ่มดังกล่าวซึ่งมีจำนวนเจ็ดพรรค อ้างว่ามีจำนวน สส. 255 คนจากจำนวนที่แข่งขันกันทั้งหมด 500 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร

Supporters of Pheu Thai Party cheer the voting result after the general election closed at the party headquarters in Bangkok. Source: AAP
“มันเป็นกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่เบ็ดเสร็จ” เศรษฐีพันล้านหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ผู้ขึ้นกล้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าว
พรรคเพื่อไทยได้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทุกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมา และก็มีความเกี่ยวพันกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเนรเทศตนเองออกไปอยู่นอกประเทศ
น้องสาวของทักษิณ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ก็ออกจากตำแหน่งไปในลักษณะเดียวกันหลังเกิดรัฐประหารปี 2014 และก็เลือกที่จะอาศัยอยู่นอกประเทศเช่นกัน
ขั้วการเมืองกลุ่มใหม่ได้กล่าวว่า ต้องการผลักดันให้เกิดยุคใหม่ของการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย หลังจากการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์
“เราจะร่วมมือกับกลุ่มพรรคการเมืองซึ่งอยู่ในการแถลงต่อสื่อครั้งนี้เ แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นไปอย่างยากลำบาก... เราพร้อมที่จะสกัดการสืบทอดอำนาจ คสช.” นายธนาธร กล่าว

Thais go to the polls after five years of military rule. Source: Abbie O'Brien
ด้านพรรคพลังประชารัฐก็ออกมากล่าวว่า ทางพรรคคาดว่าจะมีที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมด
โดยความสมดุลย์ของอำนาจนั้นเอื้อประโยชน์ให้กับ คสช. เนื่องจากรัฐธรรมนูญที่เป็นฝ่ายร่างขึ้นเอง ที่ให้วุฒิสมาชิกจำนวน 250 คนนั้นมาจากการแต่งตั้งโดยทหาร
ซึ่งก็หมายความว่าพรรคการเมืองซึ่งไม่อิงทหารเช่นพรรคเพื่อไทย จำเป็นจะต้องได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นในการลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
กกต. ยังได้ทำให้เกิดความล่าช้าที่หลายๆ ฝ่ายไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น ในการเปิดเผยผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดคำถามอย่างต่อเนื่องในขณะนี้เกี่ยวกับการเลือกตั้งซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผน โดยมีผู้เฝ้าระวังการเลือกตั้งซึ่งกล่าวว่า การนับคะแนนนั้น “เต็มไปด้วยความไม่ถูกต้อง”
มีบัตรเสียจำนวนเกือบสองล้านใบ มีการควบคุมการลงคะแนนที่หละหลวม และมีความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ตัวเลขในเบื้องต้นนั้นคลาดเคลื่อนได้อย่างมาก
Source AFP - SBS
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศไทยเลือก สส. ข้ามเพศคนแรกเข้าสภาฯ
ติดตามฟังรายการ เอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ ทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี เวลา 22.00 น.
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย

รัฐเซาท์ออสเตรเลียปรับเปลี่ยนรายชื่ออาชีพผู้ขอวีซ่าทักษะครั้งใหม่