บทความนี้มีการอ้างอิงถึงความรุนแรงในครอบครัวและครอบครัว
ชาวออสเตรเลียหลายล้านคนกำลังทุกข์ทรมานจาก "'โรคระบาดที่มองไม่เห็น" ของการทำร้ายทางการเงิน โดยเรียกร้องให้มีการประสานงานระหว่างธนาคารและกองทุนซูเปอร์เพื่อจัดการกับปัญหานี้
จากการไต่สวนของรัฐสภาของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับการละเมิดทางการเงินกับอุตสาหกรรมบริการทางการเงินของออสเตรเลียเมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) หลังจากนั้นจึงมีการสรุปผลการรายงานที่มีข้อเสนอแนะ 61 ประการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งพบว่ามีอัตราการละมิดเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ
อะไรคือการละเมิดทางการเงิน?
จากข้อมูลของเว็บไซต์ 1800 Respect ระบุว่า การทำร้ายทางการเงินเป็นความรุนแรงในครอบครัวประเภทหนึ่ง ซึ่งคู่ครองหรือคนในครอบครัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจจะกระทำการบางอย่างที่เป็นแบบแผนเชิงบังคับข่มขู่ และ ควบคุม
เช่น การไม่ให้ค่าใช้จ่ายเพื่อกินอยู่ หรือ ‘เงินสำหรับแม่บ้าน’ การห้ามไม่ให้ทำงาน การให้ข้อมูลเท็จแก่ระบบให้เงินเลี้ยงดูบุตร การข่มขู่บังคับให้เซ็นเอกสารกฎหมายและกฎหมายการเงินที่ทำให้อีกคนเป็นหนี้ การใช้อำนาจบังคับเอาเงินจากอีกคนหนึ่ง
อ่านเพิ่มเติม
ความรุนแรงในครอบครัวและช่องทางช่วยเหลือในออสเตรเลีย
ความรุนแรงแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างสามีและภรรยา หรือแฟนหญิงกับชาย ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก หรือผู้ใหญ่กับพ่อแม่ที่แก่ชรา หรือระหว่างคนในครอบครังขยาย เช่น ป้า ลุง หรือ ปู่ย่าตายาย หรือระหว่างคนที่อยู่ด้วยกันโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศ
อะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลง?
การทำร้ายทางการเงินคืออะไร และเกิดขึ้นบ่อยเพียงใด?
การทำร้ายทางการเงินคือการที่บุคคลพยายามควบคุมการเงินของคู่รักหรือสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางการเงินของพวกเขา
สำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลียระบุว่า ระหว่างปี 2021-22 ผู้หญิงประมาณ 1.6 ล้านคนและผู้ชาย 745,000 คนได้รับผลกระทบจากการทำร้ายทางการเงินของคู่ครอง
ในปี 2023 มีการประเมินความเสียหายของเหยื่อจากสภาวะดังกล่าวเป็นจำนวนเงินสูงถึงค่าใช้จ่ายของการละเมิดต่อเหยื่ออยู่ที่ 5.7 พันล้านดอลลาร์
อ่านเพิ่มเติม
เหยื่อความรุนแรงถือวีซ่าชั่วคราวขอความช่วยเหลือยาก
วุฒิสมาชิกพรรคแรงงาน ประธานคณะกรรมการร่วมด้านบรรษัทและบริการทางการเงิน เดโบราห์ โอนีล กล่าวว่า “การทำร้ายทางการเงินส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับผู้หญิงและเด็ก และส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่เป็นผู้กระทำ”
มันเหมือนเป็นโรคระบาดที่คุกคามอย่างเงียบๆ แต่สร้างความเสียหายรุนแรง มันทำลายชีวิตของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ และสถานการณ์นี้ต้องยุติวุฒิสมาชิกพรรคแรงงาน ประธานคณะกรรมการร่วมด้านบรรษัทและบริการทางการเงิน เดโบราห์ โอนีล
วุฒิสมาชิก โอนีล กล่าวว่าปัญหานี้เป็น "ปัญหาเชิงระบบ" ซึ่งประกอบไปปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างทางกฎหมาย การขาดความตระหนักรู้ และความเกี่ยวพันทั้งภายในและระหว่างสถาบันการเงินเอง
“คำแนะนำของรายงานนี้มีเป้าหมายเพื่อการสร้างแผนการจัดการกับปัญหาที่มีการประสานงานที่ครอบคลุมทั้งรัฐบาล สถาบันการเงิน และระบบกฎหมาย เพื่อต่อสู้กับภัยเงียบนี้”
ประเด็นสำคัญของคำแนะนำ
หนึ่งในคำแนะนำคือการกำหนดให้ผู้ให้กู้และบริษัทประกันต้องแน่ใจว่าลูกค้าไม่ได้ประสบกับการทำร้ายทางการเงิน มีกลไกการรายงานปัญหาที่ดีขึ้นระหว่างสถาบันการเงินและตำรวจ และมีการปรับปรุงแผนการดำเนินงานเพื่อการป้องกันและช่วยเหลือผู้เสียหายที่รอดชีวิต
รายงานระบุว่าเหยื่อที่ดูแลกองทุนซูเปอร์ด้วยตนเองต้องเผชิญกับข้อเสียเปรียบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการกับระบบเงินบำนาญกรณีมีการเสียชีวิต
ผลสรุปจากการไต่สวนยังแนะนำให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายเงินบำนาญเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้กระทำผิดได้รับผลประโยชน์จากการเสียชีวิต และดำเนินการการทบทวนโครงการเกษียณก่อนกำหนดเนื่องจากโรคโควิด-19 เพื่อกำหนดกรอบคุณสมบัติของผู้ที่ถูกบีบบังคับให้ถอนเงินออกจากกองทุน
ด้านสมาชิกสภากองทุนซูเปอร์กล่าวนี่เป็นสัญญาณที่ดีที่หลายฝ่ายมีการผลักดันประเด็นนี้จากอย่างเป็นเอกฉันท์เพื่อยุติผู้ละเมิดที่อาจได้รับเงินซูเปอร์ของเหยื่อหลังการเสียชีวิต
Committee chair Deborah O'Neill described financial abuse as "a quiet but raging epidemic". Source: AAP / Lukas Coch
“หากผู้กระทำผิดที่ได้รับผลประโยชน์จากการเสียชีวิตของเหยื่อ ถือเป็นการละเมิดที่ร้ายแรงไปอีกขั้นหนึ่ง”
ภาคส่วนนี้จึงรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปและส่งสาร์นที่ชัดเจนว่าจะไม่มีการยอมรับการละเมิดไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดๆ ก็ตามซีอีโอของสภากองทุนซูเปอร์ มิชา ชูเบิร์ต
รายงานยังแนะนำให้รัฐบาลอกกฎหมายที่ครอบคลุมคำจำกัดความเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และอนุญาตให้เหยื่อผู้รอดชีวิตปกปิดข้อมูลบางอย่างไม่ให้ผู้กระทำผิดอยู่ในบัญชีธนาคารร่วมและบัญชีประกันภัยทราบ
ผู้บริหารระดับสูงของ Australian Banking Association แอนนา ไบลห์ กล่าวว่าภาคอุตสาหกรรมธนาคารยินดีรับคำแนะนำในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปกป้องความเป็นส่วนตัวเพื่อให้เหยื่อสามารถรายงานเกี่ยวกับการทำร้ายทางการเงินได้
“ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีการวางแผนเพื่อจัดการกับปัญหานี้อย่างมีนัยสำคัญในอุตสาหกรรมธนาคาร เพื่อป้องกัน ระบุ และสนับสนุนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
การทำร้ายทางการเงินอีกรูปแบบหนึ่งที่ระบุในรายงานนั่นก็คือการควบคุมระบบการจ่ายค่าดูแลบุตรโดยผู้กระทำผิด โดยที่เหยื่อติดอยู่ในกับดักของการจ่ายเงินอุปถัมภ์บุตร
รายงานแนะนำว่าให้รัฐบาลทบทวนวิธีที่ใช้ในการพิจารณาการจ่ายเงินเลี้ยงดูบุตร เพื่อให้มั่นใจว่าการทบทวนดังกล่าวได้พิจารณาจากประสบการณ์ชีวิตของเหยื่อ-ผู้รอดชีวิต
รายงานยังแนะนำให้สถาบันการเงินตรวจสอบให้แน่ใจว่า นอกเหนือจากการให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัวแล้ว พนักงานทุกคนยังได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการทำร้ายทางการเงินที่เหมาะสมกับระดับและบทบาทของพวกเขา
ซึ่งให้หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจัดให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่แนวหน้าเกี่ยวกับการระบุความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงการทำร้ายทางการเงิน โดยกำหนดให้ต้องรายงานการละเมิดทางการเงินที่ต้องสงสัย
หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักกำลังประสบหรือเสี่ยงต่อความรุนแรงในครอบครัวหรือความรุนแรงทางเพศ สามารถแจ้งที่ 1800 737 732 หรือส่งข้อความ 0458 737 732 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่ เพื่อรับบริการปรึกษาออนไลน์ทางแชทหรือวิดีโอ คอล
หรือสามารถติดต่อ ซึ่งดำเนินการโดย No to Violence ได้ที่หมายเลข 1300 766 491
__________________________________________________________________________________
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่