ในนครเมลเบิร์นนั้น มีสถานบริการทางเพศราว 91 แห่งสำหรับประชากร 5.9 ล้านคน จากข้อมูลของโปรเจ็กท์ เรสเป็กท์ (Project Respect) องค์กรไม่มุ่งหวังผลกำไร ในรัฐวิกตอเรีย ที่ให้ความช่วยเหลือผู้หญิงที่ทำงานในอุตสาหกรรมค้าประเวณี และผู้หญิงที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมนี้นั้น ระบุว่า มีสถานบริการทางเพศ หรือซ่องโสเภณี ที่ไม่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย อยู่ราว 500 แห่ง ในเมลเบิร์น
ดาบตำรวจ (ด.ต.) ริชาร์ด ฟาร์เรลลี จากหน่วยประสานงานด้านอุตสาหกรรมทางเพศ (SICU) ของสำนักงานตำรวจรัฐวิกตอเรีย กล่าวกับ เอสบีเอส ไทย ว่า สถานบริการทางเพศที่ผิดกฎหมายนั้น ส่วนใหญ่ มาในรูปของร้านนวด ที่ใช้บังหน้าการค้าประเวณี
“ผมสามารถกล่าวได้ว่า สถานบริการทางเพศที่ผิดกฎหมายจำนวนมากเป็นร้านนวด โดยร้านเหล่านั้นมากมายตั้งอยู่ตามถนนที่เป็นศูนย์รวมร้านค้าในย่านที่พักอาศัยต่างๆ” ด.ต. ฟาร์เรลลี กล่าว
เขากล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลของหน่วยประสานงานด้านอุตสาหกรรมทางเพศ (SICU) นั้นพบว่า ร้านนวดแอบแฝง ที่ขายบริการทางเพศนั้น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงเป็นร้านนวดไทย หรือเป็นร้านนวดที่ดำเนินกิจการโดยผู้คนเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่งโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นร้านของคนไทย ของคนจีน หรือของคนเวียดนาม
แม้ว่า พนักงานในร้านนวดแอบแฝงเหล่านั้นจะมาจากประเทศต่างๆ หลากหลาย แต่ ด.ต. ฟาร์เรลลี ก็ระบุว่าลูกจ้างจำนวนมากในร้านนวดแอบแฝงเหล่านั้นมาจากภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้มีสถานบริการทางเพศผิดกฎหมายจำนวนมาก แอบแฝงมาในคราบของร้านนวด คือการที่ไม่มีกฎระเบียบใดๆ มากนักในการเปิดร้านนวด ประกอบกับการที่ร้านนวดนั้นสามารถปิดกิจการและเปิดใหม่ได้ ในสถานที่ใหม่อย่างรวดเร็ว
Read the full online investigation here:
Happy Endings
“มีกฎระเบียบที่ควบคุมน้อยมากในการเข้าสู่อุตสาหกรรมร้านนวด มันขึ้นอยู่กับเทศบาลว่าต้องใช้ใบอนุญาตหรือไม่ และต้องการให้ลูกจ้างในร้านต้องมีคุณวุฒิหรือไม่ ซึ่งทำให้ยากสำหรับเราที่จะควบคุมดูแล ลักษณะอีกอย่างของอุตสาหกรรมร้านนวดคือ ร้านนวดนั้น ปิดกิจการและเปิดใหม่ได้ง่าย มีกฎระเบียบกีดขวางอยู่ไม่มากนักในการจะก้าวเข้าไปทำธุรกิจนี้ และยังไม่ต้องใช้คุณวุฒิรับรองใดๆ ในการเปิดร้านนวดด้วย” ด.ต. ฟาร์เรลลี เผย
หากมองผิวเผินแล้ว ปัญหาร้านนวดแอบแฝง อาจถูกมองว่า เป็นเพียงการละเมิดพระราชบัญญัติ งานด้านการค้าประเวณี ปี ค.ศ. 1994 (Sex Work Act 1994) ของรัฐวิกตอเรีย ด้วยการขายบริการทางเพศ โดยปราศจากใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบริการทางเพศ
แต่ประเด็นปัญหาที่แท้จริงนั้น มีทั้งเรื่องสุขอนามัย ด้านการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ไปจนถึงการขาดมาตรฐานการคุ้มครองพนักงานในสถานบริการทางเพศที่ผิดกฎหมาย และการเอารัดเอาเปรียบพนักงานเหล่านั้น
“แม้ว่านี่จะดูเหมือนการสมยอมกันระหว่างบุคคลสองคน แต่มีคนจำนวนมากในอุตสาหกรรมนี้ที่มีความเปราะบาง และเสี่ยงถูกเอาเปรียบได้ง่าย และสิ่งที่เราเห็นอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมนี้ คือการเอารัดเอาเปรียบลูกจ้าง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกฉกฉวยหาประโยชน์ได้ง่าย คนเหล่านั้นอาจเป็นผู้ที่ต้องมีวีซ่า หรือผู้ที่ค่าจ้างแรงงานต่ำ หรือผู้ที่ไม่มีการศึกษาสูง หรือไม่สามารถหางานที่อื่นทำได้ ดังนั้น เราจึงจริงจังกับเรื่องนี้” ด.ต. ริชาร์ด ฟาร์เรลลี จากสำนักงานตำรวจรัฐวิกตอเรีย ชี้แจง
กระบวนการสืบสวนของตำรวจนั้น เมื่อได้รับการร้องเรียน หรือได้รับแจ้งเบาะแส ว่ามีการขายบริการทางเพศในร้านนวด ตำรวจจะไปที่ร้านดังกล่าวและอธิบายให้พนักงานร้านนวด ตระหนัก ไม่สามารถให้บริการทางเพศในร้านนวดได้
บริการทางเพศที่กฎหมายไม่อนุญาตให้เกิดขึ้นในร้านนวด ได้แก่ การสำเร็จความใคร่ให้ลูกค้าไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ การเปลือยกายนวดให้ลูกค้า และการมีเพศสัมพันธ์
จุดประสงค์อีกอย่างหนึ่งของการที่ตำรวจวิกตอเรีย เข้าไปชี้แจงและให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่พนักงานร้านนวด คือ เพื่อสร้างความไว้วางใจ ระหว่างตำรวจและพนักงานผู้ที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมร้านนวด
“สิ่งที่เราทำไปด้วยพร้อมกันเมื่อเราไปยังร้านนวด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุด คือเรื่องสวัสดิภาพของพนักงานที่นั่น ว่าพวกเขาได้รับการปฏิบัติจากนายจ้างอย่างเหมาะสมหรือไม่”
“เราจะถามคำถามต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อจะทำให้แน่ใจว่า แม้พนักงานร้านนวดนั้นอาจไม่ได้ขายบริการทางเพศ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถูกฉกฉวยหาประโยชน์จากผู้จัดการร้าน และเจ้าของร้าน ด้วยการจ่ายค่าจ้างที่ต่ำกว่ากฎหมายกำหนด หรือถูกทางร้านปรับเป็นเงิน เกี่ยวกับความเลินเล่อเล็กๆ น้อยๆ เช่น เปิดไฟทิ้งไว้ หรือไม่ถอดปลั๊กเครื่องไฟฟ้า”
ด.ต. ริชาร์ด ฟาร์เรลลี ยังบอกด้วยว่า สำหรับพนักงานร้านนวดจำนวนมากเหล่านี้ ประสบการณ์ที่เคยมีเกี่ยวกับตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในประเทศบ้านเกิด อาจทำให้พวกเขารู้สึกหวั่นใจและไม่ไว้วางใจตำรวจ
“พนักงานบางคนอาจมาจากประเทศที่ตำรวจไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเขาอย่างดีเหมือนเรา การที่มีตำรวจไปที่ร้าน ไปอธิบายให้พวกเขาเข้าใจ และไปตักเตือน โดยไม่ได้จับกุม อาจเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากสำหรับพวกเขา เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเราที่จะต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมร้านนวด เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้แจ้งข้อมูลแก่เราด้วย”
Senior Sergeant Richard Farrelly of Victoria Police’s Sex Industry Coordination Unit (SICU) Source: SBS - The Feed
ใครเป็นผู้ให้เบาะแสแก่ตำรวจ ?
ด.ต. ฟาร์เรลลี ชี้แจงกับ เอสบีเอส ไทย ว่า โดยทั่วไปแล้ว ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับร้านนวดแอบแฝง จากแหล่งข้อมูลหลายแหล่ง อาทิ เทศบาลท้องถิ่น ตำรวจสหพันธรัฐ กองกำลังพิทักษ์พรมแดน กระทรวงสาธารณสุข รวมทั้ง ธุรกิจที่อยู่ติดกันกับร้านนวดที่ต้องสงสัย เจ้าของร้านนวดที่ให้บริการนวดปกติ สถานบริการทางเพศที่ถูกกฎหมาย และบุคคลทั่วไปในชุมชน
นอกจากนี้ ตำรวจยังสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับร้านนวดแอบแฝง จากห้องสนทนาออนไลน์ และโฆษณาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาบริการนวด และโฆษณารับสมัครพนักงานนวดด้วย
เมื่อได้มีการสืบสวนอย่างละเอียด และพบว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะบ่งชี้ได้ว่า ร้านนวดแห่งใดแห่งหนึ่ง มีการค้าบริการทางเพศเกิดขึ้นที่นั่น ตำรวจจะขอหมายค้นจากศาล
“เราจะไปที่นั่น และยื่นหมายค้นจากศาล เราสามารถรวบรวมหลักฐานได้มากโดยวิธีนี้ เราจะพูดคุยกับบุคคลและพยานหลายๆ คน เพื่อหาหลักฐานให้เพียงพอที่จะตั้งข้อหา เราพุ่งเป้าไปที่เจ้าของร้าน และผู้จัดการร้านนวดดังกล่าว โดยเป็นความผิดข้อหา เป็นผู้จัดหาบริการการค้าประเวณีโดยไม่มีใบอนุญาต พวกเขาไม่มีใบอนุญาตในการประกอบกิจการสถานบริการทางเพศ และสำหรับร้านนวดแล้ว ก็ไม่มีวันที่จะได้รับอนุญาตด้วย อุตสาหกรรมการค้าประเวณีที่ได้รับอนุญาตนั้นมีระเบียบควบคุมอย่างเคร่งครัด มีกฎระเบียบมากมายที่ต้องปฏิบัติตาม เพื่อจะเปิดสถานบริการทางเพศอย่างถูกกฎหมายได้”
“นอกจากนี้ เรายังพุ่งเป้าไปที่ ข้อหาความผิด การดำรงชีพด้วยรายได้ที่มาจากการค้าประเวณี ซึ่งเป็นข้อหา ที่มุ่งเน้นการฉกฉวยประโยชน์จากบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะถูกเอาเปรียบได้ง่าย ซึ่งทำงานที่นั่น”
หลังจากยื่นหมายค้นจากศาลแล้ว หากมีหลักฐานเพียงพอและมีพยานที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า เจ้าของ หรือผู้จัดการธุรกิจร้านนวดดังกล่าว รู้ว่ามีการให้บริการทางเพศในร้านนวดของตน ตำรวจจะยื่นเรื่องต่อศาล เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งประกาศว่า ร้านนวดดังกล่าวเป็นสถานบริการทางเพศ หรือซ่องโสภณี ที่ผิดกฎหมาย จากนั้น ตำรวจจึงจะสามารถสั่งปิดร้านนวดที่ว่า และดำเนินคดีกับเจ้าของร้าน หรือผู้จัดการร้านได้
นอกจากนี้ ยังเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่ตำรวจต้องพยายามทำจนมั่นใจได้ว่า พนักงานซึ่งทำงานที่ร้านนวดแอบแฝง ได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุน หลังจากที่ทำงานของพวกเขาถูกปิดลง
“ตัวอย่างเช่น ในร้านนวดแห่งหนึ่ง อาจมีพนักงาน 3-4 คนทำงานที่นั่น หากเราสั่งปิดร้าน พวกเขาก็จะต้องตกงาน เราต้องคำนึงถึงสวัสดิภาพของพวกเขาด้วย เราจึงส่งต่อพวกเขาให้ได้รับความสนับสนุนจากองค์กร เช่น โปรเจ็กท์ เรสเป็กท์ (Project Respect) และ เรด (Rhed) เพื่อทำจนแน่ใจว่าพวกเขาได้รับการดูแล เราไม่ต้องการให้ผู้ที่มีความเปราะบาง และเสี่ยงที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบได้ง่ายเหล่านี้ ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นไปอีก เพราะพวกเขาไม่มีรายได้ หรือไม่มีงานทำ” ด.ต. ริชาร์ด ฟาร์เรลลี จากหน่วยประสานงานด้านอุตสาหกรรมทางเพศ (SICU) ของสำนักงานตำรวจรัฐวิกตอเรีย ให้ข้อมูล
เขากล่าวต่อไปว่า ตามพระราชบัญญัติ งานด้านการค้าประเวณี ปี ค.ศ. 1994 (Sex Work Act 1994) ของรัฐวิกตอเรีย นั้น การดำเนินธุรกิจสถานบริการทางเพศ หรือซ่องโสเภณีอย่างผิดกฎหมาย มีโทษจำคุก
“สำหรับการเปิดสถานบริการทางเพศโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ส่วนการดำรงชีพด้วยรายได้ที่มาจากการค้าประเวณี มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปีเช่นกัน”
ร้านนวดที่ให้บริการนวดปกติต้องระวังเรื่องใด ?
ตำรวจรัฐวิกตอเรียเตือนว่า ธุรกิจร้านนวดต่างๆ ควรจะต้องดูแลกิจการของตนให้รัดกุม เพื่อป้องกันปัญหาซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
“เจ้าของร้านนวดและผู้จัดการร้านนวดมีความรับผิดชอบ ที่จะต้องทำให้แน่ใจว่า พวกเขารู้ดี ว่าพนักงานในร้านทำอะไรอยู่ภายในห้องนวด ไม่เช่นนั้น หากมีข้อกล่าวหาต่างๆ เกิดขึ้น แล้วเราสามารถพิสูจน์ข้อกล่าวหาเหล่านั้นได้ ธุรกิจของพวกเขาก็อาจถูกปิดลง และถูกประกาศว่าเป็นสถานบริการทางเพศที่ผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากประสบ หากพวกเขาคิดว่าตนเองกำลังดำเนินธุรกิจร้านนวดโดยปกติ”
“เป็นเรื่องสำคัญมาก ที่พวกเขาต้องอบรมพนักงานในร้านอย่างเต็มที่ เพื่อให้เข้าใจว่าบริการทางเพศต่างๆ นั้นไม่สามารถให้บริการได้ในร้าน” ด.ต. ริชาร์ด ฟาร์เรลลี ย้ำ
นอกจากนี้ ตำรวจยังต้องการแจ้งให้รู้ทั่วกันในหมู่พนักงานที่ทำงานในร้านนวด ไม่ว่าจะเป็นร้านนวดที่ให้บริการนวดปกติ หรือร้านนวดที่ให้บริการนวด “พิเศษ” ว่า พวกเขาควรแจ้งตำรวจ หากหวั่นเกรงเกี่ยวกับความปลอดภัยของตน ขณะทำงาน
“พวกเขาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง พาตนเองออกจากไปสถานการณ์ที่ว่า แล้วโทรแจ้งตำรวจที่เบอร์ 000”
“สำคัญมากที่พวกเขาต้องไว้ใจตำรวจ พนักงานร้านนวดจำนวนมากรู้สึกว่า เพราะตำรวจมาที่ร้านแล้วเราจะติดต่อกระทรวงการตรวจคนเข้าเมืองเรื่องวีซ่าของพวกเขา ซึ่งความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย เราเป็นห่วงสวัสดิภาพ และต้องการจับกุมตัวผู้กระทำผิดต่อพนักงานนวด มากกว่าที่จะมุ่งไปที่การติดต่อกระทรวงการตรวจคนเข้าเมือง ในเรื่องวีซ่าของพนักงาน เราได้ยินบ่อยครั้งว่า ‘เราไม่ได้แจ้งตำรวจ เพราะเรากลัวว่าตำรวจจะจัดการเราเรื่องวีซ่า’ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตกเป็นผู้ถูกกระทำก็ตาม ดังนั้น ผมจึงขอย้ำว่า สำคัญมากที่คุณควรติดต่อตำรวจ” ด.ต. ริชาร์ด ฟาร์เรลลี จากตำรวจวิกตอเรีย แนะนำ
สุดท้าย สำหรับผู้ที่นิยมการได้รับบริการนวดแบบ “แฮปปี เอ็นดิง” หรือบริการนวด “พิเศษ” จากร้านนวดแอบแฝง ตำรวจต้องการให้พวกเขาตระหนักว่า “ตำรวจวิกตอเรียนั้นไม่ใช่ตำรวจที่ทำหน้าที่ควบคุมแนวคิดด้านศีลธรรม”
“หากคุณต้องการได้รับบริการทางเพศ คุณควรไปใช้บริการจากสถานบริการทางเพศ หรือบริการเอสคอร์ท มากกว่าจะไปที่ร้านนวดและรับบริการทางเพศที่นั่น จากผู้ที่ไม่ได้ผ่านกฎระเบียบที่ต้องทำตาม เช่นเดียวกับในสถานบริการทางเพศที่มีใบอนุญาต หรือธุรกิจที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล” ด.ต. ริชาร์ด ฟาร์เรลลี จากหน่วยประสานงานด้านอุตสาหกรรมทางเพศ (SICU) ของสำนักงานตำรวจรัฐวิกตอเรีย กล่าวทิ้งท้าย
ในประเทศออสเตรเลีย การค้าประเวณีนั้นไม่ผิดกฎหมาย
แต่กฎหมายเกี่ยวกับการค้าประเวณีต่างๆ นั้น ไม่เหมือนกันในแต่ละรัฐ
องค์การออกใบอนุญาตค้าประเวณีแห่งควีนส์แลนด์ เป็นหน่วยงานหนึ่ง ของรัฐบาลระดับรัฐ
ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ หน้าที่รับผิดชอบเป็นของสภาเทศบาลท้องถิ่น ในการออกใบอนุญาต และสืบสวนการฝ่าฝืนหรือสืบสวนสถานประกอบการที่ไม่มีใบอนุญาต
ในรัฐวิกตอเรีย การสืบสวนต่างๆ เหล่านั้นเป็นหน้าที่รับผิดชอบของตำรวจ
Read the full investigation here:
Happy Endings
Watch ' episode featuring the full story (created in collaboration with SBS Thai) on below:
[videocard video="1051116611992"]