ออสเตรเลียเข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ผลิแล้วและอากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา ทั่วประเทศมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ย
มีการรายงานว่าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีคลื่นความร้อนพัดปกคลุมหลายรัฐ ไม่ว่าจะเป็นรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ควีนส์แลนด์ และทางตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (5 พ.ย.) อุณหภูมิในเมืองเบิร์ดสวิลล์ ทางตะวันตกของรัฐควีนส์แลนด์ เพิ่มขึ้นถึง 45 องศาเซลเซียส และ เมื่อวันพุธ (6 พ.ย.) พื้นที่บางส่วนทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ มีอุณหภูมิพุ่งสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
อ่านเพิ่มเติม
![Image for read more article 'อ่านเพิ่มเติม'](https://images.sbs.com.au/dims4/default/8748d27/2147483647/strip/true/crop/2236x1258+0+41/resize/1280x720!/quality/90/?url=http%3A%2F%2Fsbs-au-brightspot.s3.amazonaws.com%2Fef%2F32%2F3de352f54186aef9baa4b9b6ce9b%2Fgettyimages-505244788.jpg&imwidth=1280)
วิธีดูแลตนเองในช่วงฤดูร้อนที่ออสเตรเลีย
ส่วนรัฐวิกตอเรียมีการออกคำสั่งห้ามจุดไฟทั่วทั้งรัฐ และมีการใช้ข้อบังคับนี้ในนครซิดนีย์ด้วยเช่นกัน ซึ่งข้อบังคับนี้เริ่มใช้ตั้งแต่วันนี้ วันศุกร์ที่ 8 พ.ย. เป็นต้นไป
อุณภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นยังทำให้เกิดอากาศอบอ้าวอีกด้วย โดยทางตอนเหนือของออสเตรเลียพบว่ามีปริมาณความชื้นสูง
จากการสำรวจพบว่า เมื่อวันพฤหัสบดี ในนครดาร์วินมีอุณหภูมิจุดน้ำค้างสูงสุดที่ 25.1 องศาเซลเซียส
จุดน้ำค้างคืออุณหภูมิที่เมื่ออากาศชื้นถูกทำให้เย็นลงขณะที่ปริมาณไอน้ำยังคงที่ ยิ่งจุดน้ำค้างสูง ปริมาณความชื้นในบรรยากาศก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย
จากข้อมูลของสำนักอุตุนิยมวิทยา (BOM) อุณหภูมิจุดน้ำค้างที่สูงกว่า 24 องศาเซลเซียสนั้นทำให้ "คนส่วนมากรู้สึกไม่สบายตัว" และอาจทำให้เกิดความเครียดจากความร้อนได้
ในนครซิดนีย์ก็มีวันที่อากาศอบอ้าวเช่นกัน โดยมีจุดน้ำค้างสูงถึง 21.3 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นช่วงอุณภูมิที่ BOM ชี้ว่า "มีอากาศร้อนชื้น" และ "ทำให้ไม่สบายตัว"
อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะพบจุดน้ำค้างที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 20 องศาเซลเซียส บ่อยครั้งขึ้นในพื้นที่นครซิดนีย์และพื้นที่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย
นักวิจัยด้านวิทยาศาสตร์บรรยากาศจากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ศาสตราจารย์สตีเวน เชอร์วูด บอกกับเอสบีเอสนิวส์ว่าความชื้นนั้นจะทำให้รู้สึกอึดอัดมากกว่าความร้อนแห้ง
เนื่องจากวิธีการปรับตัวตามสภาพอากาศและระบบการระบายเหงื่อของร่างกายมนุษย์ ศาสตราจารย์ เชอร์วูด อธิบายว่า
LISTEN TO
![Report says urgent action needed to avoid rising costs as Australia faces emissions tipping point image](https://images.sbs.com.au/dims4/default/7f0d229/2147483647/strip/true/crop/1800x1013+0+136/resize/1280x720!/quality/90/?url=http%3A%2F%2Fsbs-au-brightspot.s3.amazonaws.com%2F07%2F40%2F686f104e41e7930a4f0f9ed8a9cc%2Fa-seawall-under-construction-at-collaroy-in-sydney-to-protect-housing-from-rising-sea-levels-getty.jpg&imwidth=600)
Report says urgent action needed to avoid rising costs as Australia faces emissions tipping point
SBS News
30/10/202408:29
“การระบายอากาศในร่างกายมนุษย์คล้ายคลึงกับการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อน้ำสามารถระเหยออกไปได้ ยิ่งมีความชื้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ผลน้อยลงเท่านั้น เครื่องปรับอากาศจะต้องทำงานหนักขึ้นในสภาพอากาศชื้น”
ฤดูร้อนนี้จะร้อนชื้นขนาดไหน?
ความชื้นเกิดจากการที่มหาสมุทรมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น เมื่อน้ำระเหยมากขึ้น จะมีความชื้นในอากาศมากขึ้น
อาจารย์อาวุโสจากศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ดร.มาร์ติน ยุคเกอร์ บอกกับเอสบีเอสนิวส์ว่าฤดูร้อนปีนี้คาดว่าอากาศจะอุ่นกว่าปกติ เนื่องจากโลกมีอุณหภูมิสูงกว่าก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.5 องศาเซลเซียส
เช่นเดียวกับความชื้น ดร. ยุคเกอร์กล่าวว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าฤดูร้อนนี้จะร้อนขึ้นหรือไม่ เนื่องจากความชื้นเป็น “สิ่งที่คาดเดาได้ยากที่สุด”
แม้ว่าอุณหภูมิของมหาสมุทรที่สูงขึ้นสามารถทำให้มีปริมาณความชื้นสูงขึ้นได้ แต่ปริมาณความชื้นที่เรารู้สึกบนบกนั้น ถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยหลายประการ รวมถึงลมด้วย
อ่านเพิ่มเติม
![Image for read more article 'อ่านเพิ่มเติม'](https://images.sbs.com.au/dims4/default/116ee05/2147483647/strip/true/crop/3000x1688+0+356/resize/1280x720!/quality/90/?url=http%3A%2F%2Fsbs-au-brightspot.s3.amazonaws.com%2F74%2Fc1%2F6e96d5094ef1b691214e2e512c69%2Fa-bushfire-in-suburban-perth-wa-in-november-aap.jpg&imwidth=1280)
เตือนให้เตรียมพร้อมรับไฟป่า ฤดูร้อนนี้ ที่ออสเตรเลีย
ดร. ยุคเกอร์กล่าวว่าลมที่พัดพาอากาศชื้นจากมหาสมุทรสู่ชายฝั่งจะเพิ่มความชื้น ในขณะเดียวกันลมที่พัดออกจากฝั่งจะทำให้อากาศแห้งมากขึ้น
ระดับความชื้นยังได้รับผลกระทบจากสภาวะเอลนีโญและลานีญา รวมถึงสภาวะของน้ำแข็งในทะเลในแอนตาร์กติกาและพายุที่เกิดในบางภูมิภาคด้วย
“ปัจจัยเหล่านี้ทำให้การคาดการณ์สภาพอากาศมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น”
LISTEN TO
![We are here to protect our home: A story from a sea of fire image](https://images.sbs.com.au/dims4/default/77ddfce/2147483647/strip/true/crop/2048x1152+0+0/resize/1280x720!/quality/90/?url=http%3A%2F%2Fsbs-au-brightspot.s3.amazonaws.com%2Fdrupal%2Fyourlanguage%2Fpublic%2Fpodcast_images%2Fbush_fire_1.jpg&imwidth=600)
เสียงคนไทยในทะเลเพลิง
SBS Thai
08/01/202019:18
“นี่อาจเป็นคำถามที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของมนุษย์ นั่นก็คือเรื่องปริมาณของยุงที่เป็นพาหะนำโรค ซึ่งปริมาณการแพร่พันธุ์ของสัตว์ดังกล่าวขึ้นอยู่กับปริมาณความชื้น เราอยากจะคาดการณ์ให้ใกล้เคียงที่สุด แต่มันไม่ง่าย”
สภาพภูมิอากาศของออสเตรเลียอบอ้าวมากขึ้นหรือไม่?
เมื่อย้อนไปในฤดูร้อนปีที่แล้ว (2023-2024) พบว่าชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียมีความชื้นสูงเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าค่าเฉลี่ย 1-3 องศาเซลเซียส
และเมื่อวันที่ 11 มกราคม 20240 ในนครซิดนีย์มีจุดน้ำค้างสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 26.7 องศาเซลเซียส โดยมีจุดน้ำค้างเฉลี่ยในช่วงเวลาของวันและวันที่อยู่ที่ 17 องศาเซลเซียส
ภาวะโลกร้อนกำลังทำให้มหาสมุทรอุ่นขึ้นเรื่อยๆ และปริมาณไอน้ำในมหาสมุทรเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 นับตั้งแต่เริ่มยุคอุตสาหกรรมเป็นต้นมา
ศาสตราจารย์ เชอร์วูดกล่าวว่าแม้ว่าความชื้นเฉลี่ยดูเหมือนจะคงที่ในออสเตรเลีย แต่เขาเชื่อว่าวันที่อากาศร้อนชื้น เราจะรู้สึกอบอ้าวมากขึ้น และวันที่ร้อนแห้งก็จะรู้สึกร้อนแบบแผดเผามากขึ้น
“นี่เป็นเพราะอุณหภูมิในมหาสมุทรเขตร้อนสูงขึ้น จึงมีความชื้นมากขึ้น และเมื่อลมพัดเข้ามาในบริเวณพื้นที่ชายฝั่ง มันจะพัดเอาไอน้ำมามากกว่าที่เคย”
___________________________________________________________________
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่