วันนี้ (6 ส.ค.) รัฐวิกตอเรียพบจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ 471 ราย ซึ่งลดลงจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายหลายวันทำลายสถิติที่ 725 รายเมื่อวันก่อน
นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตอีก 8 ราย จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึง
- ชาย 2 รายในวัยราว 60 ปี
- ชาย 3 ราย และหญิง 2 รายในวัยราว 80 ปี
- และหญิงอีก 1 รายในวัยราว 90 ปี
โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตที่พบในวันนี้ มี 4 รายที่มีความเชื่อมโยงกับสถานดูแลผู้สูงอาย
ขณะที่ยอดผู้ป่วยที่ยังคงแสดงอาการในรัฐวิกตอเรียนั้นอยู่ที่ 7,449 ราย ซึ่งรวมถึงผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดในสถานดูแลผู้สูงอายุ 1,533 ราย
นอกจากนี้ นายแดเนียล แอนดรูส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย กล่าวในวันนี้ (6 ส.ค.) ว่า พบกรณีการติดเชื้อปริศนา 107 ราย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระบาดในชุมชน
เจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพรัฐวิกตอเรีย กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนการเสียชีวิตของผู้เข้ารับการดูแล ในสถานดูแลผู้สูงอายุเซนต์เบซิล (St Basil Home for the Aged) ในเมืองฟอว์กเนอร์ (Fawnker) 5 ราย โดยสถานดูแลดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างน้อย 20 ราย
เมื่อเช้านี้ หนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียน ได้ตีพิมพ์รายงานฉบับหนึ่ง ซึ่งได้อ้างถึงคาดการณ์สถานการณ์ไวรัสโคโรนาซึ่ง ‘เป็นความลับ’ ของรัฐบาลรัฐวิกตอเรีย โดยรายงานดังกล่าวอ้างว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันอาจเพิ่มถึงสูงสุดถึง 1,100 ราย ภายในสุดสัปดาห์หน้า แล้วจะมีจำนวนมากกว่า 1,000 ราย ในสัปดาห์หลังจากนั้น
แต่มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย และศาสตราจารย์อัลเลน เชง รักษาการในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ได้ปฏิเสธว่า ไม่เคยพบเห็นคาดการณ์สถานการณ์ดังกล่าว
ศาสตราจารย์เชง กล่าวว่า “อันตรายของตัวเลขที่เป็นจริงนั้น คือการสร้างภาพลวงตาให้เห็นว่าสถานการณ์นั้นมีความแน่นอน แต่ที่แน่ ๆ คือเราไม่เคยนิ่งนอนใจ”
โดยในวันนี้ รัฐบาลรัฐวิกตอเรียได้เริ่มต้นมาตรการจำกัดห้ามใหม่สำหรับภาคธุรกิจในนครเมลเบิร์น ซึ่งมีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ร้านค้าปลีกเป็นจำนวนมากต้องปิดให้บริการ ขณะที่ลูกจ้างซึ่งมีความจำเป็นต้องมาทำงานจะต้องพกใบอนุญาตทำงาน (work permit)
โดยธุรกิจใดที่ถูกเจ้าหน้าที่จับได้ว่า ออกใบอนุญาตทำงานให้กับลูกจ้างไม่ตรงตามข้อกำหนด หรือละเมิดมาตรการจำกัดห้ามระดับ 4 จะต้องระวางโทษปรับเป็นจำนวนเงิน $99,123 ดอลลาร์ และสำหรับบุคคลธรรมดา จะมีโทษปรับเป็นจำนวนเงิน $19,826 ดอลลาร์
นายแอนดรูส์ กล่าวว่า มีการจัดการหลายรูปแบบ ระหว่างรัฐบาลและภาคอุตสาหกรรม ในการลดจำนวนคนทำงาน ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อ และโรงฆ่าสัตว์อุตสาหกรรมการผลิตเนื้อแดงจะลดกำลังการผลิตลง 2 ใน 3 ของกำลังการผลิตตามปกติ ส่วนเนื้อสัตว์ปีก จะมีการลดกำลังการผลิตลงในอัตราร้อยละ 80
An empty Bourke Street Mall with shops closed as lockdown of Melbourne forces most people to stay at home. Source: AP
“มาตรการเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดจำนวนคนทำงานที่ติดเชื้อ โดยเราสามารถทำสิ่งนี้ได้ โดยที่ไม่ทำให้เกิดการขาดแคลนผลิตภัณฑ์ในเวลาเดียวกัน” นายแอนดรูส์กล่าว
“ผมไม่ต้องการให้ใครคิดว่าชั้นวางจำหน่ายสินค้าจะวางเปล่า ทุกคนจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดเพื่อทำให้แน่ใจว่ามีสิ่งที่จำเป็นวางขายอยู่บนชั้น”
ขณะที่พื้นที่ส่วนภูมิภาครัฐวิกตอเรียได้เข้าสู่มาตรการจำกัดระดับ 3 ในวันนี้ โดยประชาชนจะสามารถออกจากบ้านได้ด้วยเหตุผลเพียง 4 ข้อ ได้แก่ ซื้ออาหารและของใช้ที่จำเป็น ออกกำลังกาย ให้และรับการดูแล ไปทำงานหรือเรียนหากไม่สามารถทำจากที่บ้านได้
นอกจากนี้ รัฐบาลสหพันธรัฐยังได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุนจำนวน $5 ล้านดอลลาร์ เพื่อเป็นการสนับสนุนบริการด้านสุขภาพจิตในรัฐวิกตอเรีย โดย นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมุ่งเน้นไปที่บริการด้านสุขภาพจิตสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษา และผู้คนวัยหนุ่มสาว โดยจะมีการแบ่งงบประมาณไปยังโครงการต่าง ๆ อย่างเช่น Kids Helpline, Lifeline และ Beyond Blue
ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น (Metropolitan Melbourne) อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 และจะต้องปฏิบัติตามการห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 20.00 น.-5.00 น.
ในระหว่างช่วงเวลาที่ห้ามออกจากเคหสถาน ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อไปทำงาน หรือไปรับบริการด้านสุขภาพหรือไปรับการดูแลที่จะเป็น หรือเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น
ระหว่างเวลา 5.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา 20.00 น. ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อออกกำลังกาย เพื่อไปซื้อของจำเป็นและไปรับบริการที่จำเป็น ไปทำงาน ไปรับบริการด้านสุขภาพ หรือไปให้การดูแลญาติที่ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น
รายละเอียดข้อจำกัดทั้งหมดสามารถดูได้ ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะต้องสวมหน้ากากหรือผ้าปกคลุมจมูกและปากเมื่อออกจากเคหสถาน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ใด
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
รัฐบาลออสฯ ยกเว้นค่าต่อวีซ่านักเรียนช่วงโควิด