ในปีนี้ชาวออสเตรเลียจำนวนมากต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสามารถในการจ่ายค่าเช่าต่ำเป็นประวัติการณ์ในเมืองหลวงและส่วนภูมิภาคทั่วออสเตรเลียแม้ว่าธนาคารกลางไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาก็ตาม และยังมีประเด็นที่ผู้คนหลายล้านคนกำลังเผชิญกับความไม่มั่นคงด้านอาหาร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จิม ชาลเมอร์ส กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่าแม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ชาวออสเตรเลียจำนวนมากยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเงิน "มหาศาล"
“มีความก้าวหน้าในเรื่องภาวะเงินเฟ้อ เมื่อวิเคราะห์จากปัจจัยชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่างไรก็ตามเราทราบดีว่านั่นไม่ได้ความว่าทิศทางดังกล่าวจะสะท้อนถึงความเป็นจริงที่ผู้คนกำลังเผชิญทางเศรษฐกิจเสมอไป”
แล้วค่าครองชีพในปี 2025 จะเป็นอย่างไร? นี่คือสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ไว้
อัตราเงินเฟ้อในปี 2025 จะลดลงหรือไม่?
ในไตรมาสเดือนกันยายนปี 2024 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปประจำปีอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ซึ่งลดลงอย่างมากจากตัวเลขเดือนมิถุนายนที่ร้อยละ 3.8
สำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลีย (ABS) ชี้ว่าเหตุผลหลักของตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงนั้นมาจากราคาไฟฟ้าที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการลดราคาพลังงานของรัฐบาล รวมถึงราคาน้ำมันที่ถูกลงด้วย
Australia's annual headline inflation rate was 2.8 per cent in the September quarter of 2024, down from 3.8 per cent in the June quarter. Source: SBS
"ตัวเลขเงินเฟ้อมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้จ่ายจริงๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ตัวเลขดังกล่าวลดลงตามที่ RBA ตั้งเป้าเอาไว้"
“อย่างไรก็ตามการทำความเข้าใจกับมาตรการทางเศรษฐกิจดังกล่าวจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคตจะเป็นอย่างไร”
“ปัญหาใหญ่ที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นก็คือแนวโน้มในการผลิตที่อยู่ในระดับต่ำ เราจำเป็นต้องเห็นปรับปรุงบางอย่างเกี่ยวกับการลดอัตราเงินเฟ้อ”
อาจารย์อาวุโสจากคณะการเมือง เศรษฐศาสตร์ และสังคม มหาวิทยาลัยแคนเบอร์รา จอห์น ฮอว์กินส์ กล่าวว่าในปีหน้า เขาคาดว่าอัตราเงินเฟ้อโดยรวมจะ "อยู่ในระดับปานกลาง"
ดร. ฮอว์กินส์ กล่าวกับเอสบีเอสนิวส์ว่าราคาน้ำมันจะมี "ความผันผวน" ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
“หากไม่มีสถานการณ์อื่นใดที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ ก็จะไม่มีปัจจัยที่กระตุ้นเงินเฟ้อจากประเด็นดังกล่าว” เขากล่าวกับเอสบีเอสนิวส์
ดร. ฮอว์กินส์ยังกล่าวอีกว่าราคาสิ่งของบริโภคน่าจะค่อนข้างคงที่ ยกเว้นมีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ส่งผลกระทบที่ทำให้พืชผลเสียหาย ในขณะที่ค่าประกันบ้านมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการอ้างว่าเป็นผลกระทบจากเรื่องสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
ราคาของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสื้อผ้าและรถยนต์ที่ทรงตัวมานานหลายปีอาจจะค่อยๆ ลดลงหรืออาจมีราคาคงที่ในปีหน้า
ส่วนค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ เช่น ค่าเล่าเรียน และการประกันสุขภาพ อาจะลดลง หัวหน้าฝ่ายพยากรณ์เศรษฐกิจมหภาคที่ Oxford Economics Australia แลงเคก กล่าวว่า
"ค่าใช้จ่ายดังกล่าวอาจจะลดลงไปบ้างเหตุเพราะเรากำลังค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง"
แม้ว่าค่าเช่าจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คุณ แลงเคก เตือนว่าอาจจะไม่มีการช่วยเหลือในประเด็นดังกล่าวอย่างทันท่วงที
“และค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านใหม่จะยังคงสูงกว่าที่เราคาดไว้เล็กน้อย … ซึ่งเป็นการเพิ่มตัวแปรว่าการเพิ่มจำนวนที่อยู่อาศัยในตลาดเป็นเรื่องยาก”
ค่าจ้างและความช่วยเหลือของ Centrelink จะเพิ่มไหมในปี 2025
จากข้อมูลของ ABS ชี้ว่าในไตรมาสเดือนกันยายน 2024 การเติบโตของค่าจ้างรายปีอยู่ที่ร้อยละ 3.5 คุณ แลงเคกกล่าวว่า
“ในขณะนี้ ในแต่ละไตรมาส มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 0.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีตามมาตรฐานเมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา”
ถ้าอัตราการว่างงานไม่เพิ่มขึ้นมากนัก การเติบโตของค่าจ้างรายปีน่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไปในอัตราที่ใกล้เคียงกันในปีหน้า และจะทำให้อัตราการเติบโตของค่าจ้างสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเล็กน้อย สถานการณ์นี้หมายความว่าคุณอาจมีเงินเหลือมากขึ้นเล็กน้อย
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ชาวออสเตรเลียมากกว่าหนึ่งล้านคนจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากการจัดทำดัชนีการชำระเงินของ Centrelink ในบางรายการ
เช่น Youth Allowance และผู้รับ Austudy จะได้รับเงินเพิ่มสูงสุด 30.60 ดอลลาร์ทุกสองสัปดาห์ ในขณะที่การชำระเงิน ABSTUDY จะเพิ่มขึ้นประมาณ 54 ดอลลาร์
ผู้รับเงินบำนาญเพื่อสนับสนุนผู้ทุพพลภาพที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปีและไม่มีบุตรในความอุปการะใดๆ จะได้รับเงินเพิ่มสูงสุด 30.10 ดอลลาร์ และเงินช่วยเหลือผู้ดูแลจะเพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์
คุณสามารถดูรายการความช่วยเหลือทางการเงินที่เพิ่มขึ้นได้ที่นี่
จะมีจัดทำดัชนีการชำระเงิน Centrelink ด้านอื่นๆ ตลอดทั้งปี 2025
จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าหรือไม่?
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีการประชุมคณะกรรมการครั้งสุดท้ายของปี 2024 ซึ่งสรุปว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเงินสดอย่างเป็นทางการไว้ที่ร้อยละ 4.35
คณะกรรมการ RBA กล่าวว่า แม้ว่าจะเชื่อมั่นว่าว่าอัตราเงินเฟ้อ "เป็นไปตามเป้าที่คาดไว้อย่างช้าๆ และมั่นคง" แต่ก็ยังในปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อยัง "สูงเกินไป" ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ ซึ่ง RBA ตั้งเป้าลดอัตราเงินเฟ้อให้เหลือที่ร้อยละ 2 -3
ดร. ฮอว์กินส์กล่าวว่าการลดอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในไตรมาสเดือนธันวาคมซึ่ง "มีความเป็นไปได้" ที่ RBA จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนกุมภาพันธ์”
“ถ้าอัตราเงินเฟ้อยังสูงอยู่ ธนาคารกลางจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง แต่ถ้าอัตราเงินเฟ้อยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2022 คาดว่าพวกเขาอาจจะรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะเริ่มผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ย ”
The Reserve Bank of Australia left the official interest rate on hold at 4.35 per cent at its final board meeting for 2024. Source: SBS
“คิดว่า RBA ยังริดูสถานการณ์เงินเฟ้อในช่วง 2 ไตรมาสถ้าสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้นเราอาจจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดคือราวเดือนพฤษภาคม”
คุณ แลงเคก คาดการณ์ว่าอาจจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2025 ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะปรับลดครั้งละ 0.25 เปอร์เซ็นต์
หากเป็นดังการคาดการณ์ภายในสิ้นปีหน้าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ร้อยละ 3.6
การเลือกตั้งระดับสหพันธรัฐปี 2025 กับผลกระทบต่อค่าครองชีพ
ยังไม่มีการประกาศวันเลือกตั้งระดับสหพันธรัฐในปี 2025 อย่างเป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะอยู่ในระหว่างช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม
พรรคแรงงานประกาศนโยบายการจัดการกับค่าครองชีพ และได้ให้คำมั่นว่าหากพรรคได้จัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งหนึ่งจะมีนโยบายที่แก้ปัญหาเรื่องค่าดูแลเด็ก และลดค่าธรรมเนียมมหาวิทยาลัยและหนี้นักศึกษา
งบประมาณเดือนมีนาคมในปีหน้าอาจมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมด้านค่าครองชีพ ดร. ฮอว์กินส์กล่าว
“ไม่ใช่สิ่งที่น่าประหลาดใจ หากคุณอาจจะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าที่มีการขยายระยะเวลาออกไป ถ้าไม่เช่นนั้นราคาไฟฟ้าจะกลีบมาแพงขึ้นอีกในกลางปีหน้า และอัตราเงินเฟ้อก็จะพุ่งสูงขึ้น”
ด้าน คุณ แลงเคกเตือนว่าพรรคแรงงานอาจจะต้องควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณหากไม่อยากให้งบประมาณเกินดุล
อ่านเพิ่มเติม
ส่องงบประจำปี 2024 ใครได้ ใครเสีย มาดูกัน
“หากพวกเขาตั้งเป้าไม่ให้งบประมาณขาดดุลมากเกินไป มันเป็นเรื่องยากที่จะมีนโยบายช่วยเหลือด้านต่างๆ เพิ่มเติมแก่ประชาชน”
ด้านพรรคร่วมยังไม่มีนโยบายในเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่าจะช่วยเหลือเรื่องค่าครองชีพแก่ผู้ลงคะแนนเสียงอย่างไร
“ตอนนี้ เรายังไม่มีรายละเอียดมากนักเกี่ยวกับนโยบายของพวกเขา”
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส แลงเคก กล่าวว่าในความเห็นของเขาโดยรวมแล้วทั้งสองพรรคอาจไม่มีความแตกต่างในนโยบายค่าครองชีพมากนัก
“คิดว่าทั้งสองพรรคไม่น่าจะมี ความแตกต่างในนโยบายแก้ไขค่าครองชีพแก่ประชาชนมากนัก"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่