หลังจากหนึ่งสัปดาห์ซึ่งเต็มไปด้วยกลเกมและหลุมพรางในการเมืองออสเตรเลีย รัฐมนตรีคลังระดับสหพันธรัฐ นายสก็อตต์ มอร์ริสัน ก็ได้กำชัยชนะการลงคะแนนเสียงเหนือนายปีเตอร์ ดัตตัน ขึ้นเป็นผู้นำพรรคลิเบอรัล ทำให้เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ
เป็นที่เข้าใจกันว่า นายมอร์ริสัน ซึ่งได้รับใช้ประชาชนในฐานะรัฐมนตรีคลังมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 ชนะการแข่งขันเพื่อตำแหน่งผู้นำในการประชุมพรรคด้วยคะแนนเสียง 45 ต่อ 40 โดยที่ญัตติเพื่อให้ตำแหน่งผู้นำนั้นว่างลงนั้นก็มีคะแนนเสียง 45 ต่อ 40 เช่นกัน
เขาปรากฏตัวขึ้นในฐานะของผู้เข้าชิงซึ่งอาจมีความประนีประนอม หลังจากที่นายดัตตันประกาศเจตนารมณ์ที่จะท้าชิงตำแหน่งผู้นำเมื่อวันอังคารที่แล้ว (21 ส.ค.)เมื่อวันพุธถัดมา เขาให้ความมั่นใจกับผู้สื่อข่าว ว่าเขานั้นไม่ได้หมายตาตำแหน่งผู้นำ
Australian Treasurer Scott Morrison arrives for the Liberal Party room meeting on Friday. Source: AAP
“ท่านนายกรัฐมนตรีได้รับแรงสนับสนุนจากผมอย่างเต็มที่และโดยทั้งหมด และผมต้องการให้หยุดพูดแนะกันไปว่าผมนั้นต้องการเข้าสู่ตำแหน่ง”
“ทั้งหมดมันเป็นเรื่องไร้สาระตามปกติ และท่านนายกฯ นั้นทราบดีว่าจุดยืนของผมคืออะไร และผู้คนชาวออสเตรเลียก็ทราบมาโดยตลอดว่าจุดยืนของผมคืออะไร”
Source: AAP
ใครคือสก็อตต์ มอร์ริสัน?
สก็อตต์ มอร์ริสัน - หรือที่เรียกกันว่า “สโกโม (ScoMo)” เติบโตขึ้นในย่านพักอาศัย Bronte ริมชายหาดใกล้นครซิดนีย์ บิดาของเขาเป็นผู้บัญชาการตำรวจและสมาชิกสภาเทศบาลท้องถิ่น
ราวกับโชคชะตากำหนดให้เขานั้นต้องอยู่ต่อหน้ากล้อง เขามีอาชีพระยะสั้นๆ เป็นนักแสดงเด็ก โดยปรากฏตัวในโฆษณาโทรทัศน์เป็นจำนวนหนึ่ง
หลังจากจบมัธยมศึกษา เขาก็สำเร็จปริญญาเกียรตินิยมในด้านเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ (และ) ภูมิศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์
ขณะนี้นายมอร์ริสันมีอายุได้ 50 ปี เขาแต่งงานกับหวานใจวัยเยาว์ของเขา เจนนี เมื่ออายุได้ 21 ปี โดยทั้งสองมีบุตรสาวสองคน
เขาเป็นชาวคริสเตียนที่อุทิศตน โดยเขาโบสถ์ประเภทฮิลล์ซอง เพนติคอสทัล เชิร์ช ในนครซิดนีย์เขาดำรงตำแหน่งหลายๆ ตำแหน่งในสภาเทศบาลต่างๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวออสเตรเลีย และก็เป็นผู้อำนวยการบริหารของการท่องเที่ยวแห่งออสเตรเลีย (Tourism Australia) ระหว่างปี 2004 ถึง 2006
Scott Morrison with his family in July 2016. Source: AAP
เขาได้ใช้เวลา 4 ปีในฐานะผู้อำนวยการระดับรัฐของพรรคลิเบอรัลนิวเซาท์เวลส์ และเข้าเล่นการเมืองระดับสหพันธรัฐในปี 2007 โดยได้ชัยชนะในเขตเลือกตั้ง คุก (Cook) ในย่านชานเมืองทางใต้ของนครซิดนีย์ ซึ่งเขาก็ยึดครองมาตลอดจนถึงปัจจุบัน
เขาเป็นที่รู้จักดีในเรื่องอะไร?
ในคำปราศรัยแรกของเขา นายมอร์ริสันกล่าวว่าเขานั้นรู้สึก “ภาคภูมิใจ” กับคำขอโทษระดับชาติของนายเควิน รัดด์ ต่อชาวพื้นเมืองของออสเตรเลียซึ่งทั้งรัฐสภาก็ได้เป็นประจักษ์พยานกันหนึ่งวันก่อนหน้า(คำปราศรัยของนายมอร์ริสัน)
เขายังเรียกร้องให้มีการเพิ่มความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้กับอาฟริกา โดยอ้างอิงถ้อยคำของนายโบโน นักร้องนำวง U2 ซึ่งเป็นนักกิจกรรมคนหนึ่ง
“โศกนาฏกรรมของอาฟริกานั้น ถูกขับดันโดยสงคราม ความยากจน โรคภัยไข้เจ็บ ความอดอยาก การทุจริต ความอยุติธรรม และปีศาจร้ายที่ปล้นขโมยจากชาวอาฟริกันเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน เพื่อนมนุษย์เช่นพวกเรานั้นเป็นอนาคตของพวกเขา” เขากล่าว
“พอล ฮิวสัน หรือที่รู้จักกันดีในนามของโบโน กล่าวไว้ว่า: มีทวีปอยู่หนึ่งทวีป - อาฟริกา - ซึ่งกำลังถูกไฟเผาผลาญ ... เมื่อมีการเขียนประวัติศาสตร์ คนในชั่วอายุของเราจะได้รับการจดจำว่า ... พวกเราได้ทำอะไร หรือไม่ได้ทำอะไร ในการที่จะช่วยดับไฟนั้น”ในเวลาสิบปีของเขาที่รัฐสภา เขาได้เป็นผู้มีอำนาจรับผิดชอบระดับอาวุโสแห่งสหพันธรัฐถึงสามด้าน
Scott Morrison delivers his maiden speech at Parliament House in February 2008. Source: AAP
เขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากการเป็นรัฐมนตรีด้านการตรวจคนเข้าเมืองและพิทักษ์พรมแดนเมื่อปี 2013 จากการประกาศใช้นโยบายปฏิบัติการพรมแดนอธิปไตย (Operation Sovereign Borders) เพื่อ “ยับยั้งเรือ” ในการลดการอพยพและลักลอบขนส่งมนุษย์สู่ประเทศออสเตรเลีย
ในปี 2018 ได้มีการเปิดเผยว่า ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งดังกล่าวนั้น นายมอร์ริสันได้ขอร้องให้ ASIO ทำการถ่วงเวลาการประเมินด้านความมั่นคงให้กับผู้ขอลี้ภัย เพื่อให้พวกเขานั้นเกินกำหนดที่จะได้รับวีซ่าคุ้มครองชนิดถาวร
โดยนายเทิร์นบูลล์ ก็เข้าปกป้องเขาเมื่อเผชิญกับกระแสตีกรับที่รุนแรงจากสาธารณชน
“เราจะไม่ขอโทษในการที่จะส่งสารที่ชัดเจนที่สุดไปยังผู้ลักลอบขนส่งมนุษย์ และผู้ที่สนใจจะเป็นลูกค้าของพวกเขา: หากคุณคิดว่าจะมายังประเทศออสเตรเลียโดยทางเรือลักลอบขนส่งมนุษย์ คุณคิดผิด คุณจะไม่สามารถมาได้ คุณจะมาไม่ถึงที่นี่ คุณจะไม่ได้เป็นผู้อยู่อาศัยถาวร” นายเทิร์นบูลล์กล่าว
นายมอร์ริสันได้ใช้เวลาในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้านการบริการสังคมเป็นเวลาเก้าเดือน ก่อนที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีคลังเมื่อเดือนกันยายน ปี 2015
เขาทำอะไรสำเร็จบ้างในฐานะรัฐมนตรีคลัง
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อแฟร์แฟกซ์เมื่อปี 2016 เขากล่าวว่า เขาเคยมีความต้องการที่จะรับผิดชอบในด้านกลาโหม และไม่เคยคาดการณ์เลยว่าจะลงเอยในตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง เขานับนายปีเตอร์ คอสเทลโล รัฐมนตรีคลังซึ่งอยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดของออสเตรเลีย ว่าเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของเขา
ในระหว่างที่เป็นรัฐมนตรีคลัง นายมอร์ริสันได้สนับสนุนทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ในการสร้างความมั่งคั่งโดยรวมเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ทางการเงิน โดยเชื่อว่าเมื่อมีเงินมากขึ้นโดยทั่วๆ ไปเท่าไร ทุกๆ คนก็จะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์
“คุณจะต้องทำให้ขนาดของพายนั้นใหญ่ขึ้น หากว่าพายมีขนาดใหญ่ขึ้น ทุกๆ คนก็จะได้รับประทานเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ต้องสนใจว่าเข้าจะได้รับส่วนแบ่งแค่ไหน ยกเว้นที่เวสเทิร์นออสเตรเลีย” เขากล่าวขณะที่ประกาศงบประมาณแผ่นดินครั้งล่าสุด
“ในช่วงสี่ปีต่อไปนี้ กองเงินรวมจากภาษีจีเอสที (GST pool) จะเติบโตขึ้นเป็นจำนวน $6.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการตัดสินใจของเราที่เราได้ทำการตัดสินใจในฐานะของรัฐบาล”
เมื่อต้นปี 2018 เขาได้ขอร้องให้ชาวออสเตรเลียเชื่อมั่นในพรรคร่วม โดยกล่าวว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือความมั่นคง
เศรษฐกิจของออสเตรเลียนั้น ได้ผ่านพ้นช่วงที่ยากลำบากที่สุดที่เราเคยเผชิญในหลายชั่วอายุคน ... เศรษฐกิจระดับชาติของเรานั้นกำลังแข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็จริงเช่นกันที่ว่าผลพลอยได้ต่างๆ นั้นยังคงไม่ไปถึงทุกๆ คน และเรื่องนี้จำเป็นต้องใช้เวลามากกว่านี้
“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่ามันสำคัญที่จะสนับสนุนแผนการของเรา ... เราเข้าใกล้เป้าหมายแล้ว และเราก็จำเป็นที่จำต้องยึดตามแผนของเรา”
การเลือกตั้งระดับสหพันธรัฐนั้นจะครบกำหนดอีกครั้งในอีกเก้าเดือนข้างหน้านี้
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอสไทย
สก็อตต์ มอร์ริสันขึ้นแท่นนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียคนใหม่