เจสัน ไบรซ์ สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในการลดการใช้เงินสด ในช่วงโควิด-19 เพราะธนาคารสาขาใกล้บ้านของเขาปิดตัวลง
พร้อมกับตู้เอทีเอ็ม 3 จุดที่ถูกถอดออกไป และซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านก็หยุดรับเงินสดชั่วคราว
“บัตรเครดิตก็โฆษณาว่าเงินสดไม่สะอาด ผู้คนก็พูดกันว่า ‘เราต้องไม่ใช้เงินสดแล้ว’” ไบรซ์เล่าให้ SBS News ฟัง
“มันทำให้การใช้เงินสดลดลงอย่างมาก จนดูเหมือนว่าเรากำลังจะเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเลี่ยงไม่ได้”
การที่ใช้เงินสดในชีวิตประจำวันยากขึ้น เป็นแรงบันดาลใจให้เจสัน ไบรซ์ ก่อตั้งกลุ่ม “Cash Welcome” เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนหันมาใช้เงินสด เพื่อให้ทางเลือกนี้ยังคงอยู่ต่อไป
กลุ่มนี้ได้จัดแคมเปญระดับประเทศในวันอังคารนี้ (22 เมษายน) โดยชวนให้ประชาชนไปถอนเงินสด เพื่อ "เป็นสัญลักษณ์เตือนให้รัฐบาลและสถาบันการเงินทราบว่าเงินสดยังสำคัญต่อชาวออสเตรเลีย”
“ถ้ามีเงินสดติดไว้ในกระเป๋า คุณสามารถซื้อของได้เมื่อจำเป็น โดยเฉพาะการร่วมมือกันถอนเงินสดในวันอังคารนี้ จะเป็นการโหวตต้านกระแส ‘ออสเตรเลียไร้เงินสด’” ไบรซ์กล่าว
สังคมไร้เงินสด หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงหรือ?
แม้ว่าจะมีประชาชนราว 1.5 ล้านคนในออสเตรเลียที่ยังใช้เงินสดเป็นหลักในการซื้อของทุกวัน
แต่การใช้เงินสดกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังช่วงโควิด-19
ข้อมูลจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ระบุว่า ระหว่างปี 2019 -2022 สัดส่วนการใช้เงินสดในการทำธุรกรรมหน้าร้านลดลงจาก 32% เหลือเพียง 16%
แม้จะไม่มีรายงานฉบับใหม่จาก RBA ในปีนี้ แต่รายงานจากแหล่งอื่น ๆ คาดว่า ภายในปี 2030 เงินสดจะเหลือเพียง 7% ของมูลค่าการใช้จ่ายหน้าร้าน จากปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ 10%

รายงานจากผู้ให้บริการระบบการชำระเงิน Worldpay ระบุว่า วิธีการชำระเงินที่ชาวออสเตรเลียนิยมมากที่สุดคือการใช้บัตรเติมเงินหรือบัตรเดบิต Source: SBS
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้จัดทำรายงานคาดว่าในเร็ว ๆ นี้ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” จะกลายเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยจะครองส่วนแบ่งมากกว่าครึ่งของมูลค่าการทำธุรกรรมออนไลน์ และ 38% ของการใช้จ่ายหน้าร้าน
รายงานระบุว่า “สัดส่วนการใช้เงินสดในการจับจ่ายหน้าร้านลดลงมากกว่าสองในสาม ระหว่างปี 2014 - 2024 แต่การออกมาใช้เงินสดในออสเตรเลียถือเป็นการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของประชาชน”

รายงานจากผู้ให้บริการระบบการชำระเงิน Worldpay ระบุว่า ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่เลือกใช้บัตรเดบิตหรือวิธีแบบเติมเงินในการซื้อสินค้าออนไลน์ ขณะที่บัตรเครดิตเป็นตัวเลือกอันดับรองลงมาอย่างใกล้เคียง Source: SBS
แองเจล จง รองศาสตราจารย์ด้านการเงินจากมหาวิทยาลัย RMIT มองว่า ภายในปี 2030 ออสเตรเลียจะกลายเป็น “สังคมไร้เงินสดในทางปฏิบัติ”
“ซึ่งมันจะหมายความว่า การชำระเงินส่วนใหญ่จะเป็นแบบดิจิทัล แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถใช้เงินสดได้” เธอกล่าวกับ SBS News
“ดังนั้นฉันคิดว่าผู้คนไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกกับการเปลี่ยนผ่านนี้ เพราะเราไม่ได้พูดถึง ‘สังคมไร้เงินสดโดยสมบูรณ์’ แต่เป็น ‘สังคมไร้เงินสดในทางปฏิบัติ’ ต่างหาก”
ขณะที่เมื่อต้นปีนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย มิเชล บูลล็อก ก็เคยกล่าวว่า เงินสดจะ “ยังคงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 10 ปี”
LISTEN TO

วาระ 'จอฟ้าแห่งความตาย' ความโกลาหลจากเหตุ Microsoft ขัดข้องที่ออสเตรเลีย
SBS Thai
17:27
มาดูประเทศอื่นๆ ว่าพวกเขามีมาตรการรักษาการใช้เงินสดอย่างไร
ในสหราชอาณาจักร ปัจจุบันมีจุดถอนเงินสดฟรีที่เข้าถึงได้ง่าย โดยที่ 99.3% ของประชาชนในเขตเมืองจะอยู่ในระยะไม่เกิน 1.6 กิโลเมตรจากจุดถอนเงิน ส่วนในเขตชนบท ตัวเลขนี้อยู่ที่ 98.7%
บางประเทศ เช่น สเปน ฝรั่งเศส นอร์เวย์ เดนมาร์ก รวมถึงบางรัฐในสหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมายบังคับให้ร้านค้าต้องรับเงินสดในการชำระเงิน
เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลกลางออสเตรเลียประกาศว่าจะดำเนินมาตรการคล้ายกัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 ซึ่งจะบังคับให้ธุรกิจที่จำหน่าย “สินค้าและบริการจำเป็น” ต้องรับชำระเงินด้วยเงินสด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการระบุรายละเอียดชัดเจนว่าธุรกิจประเภทใดบ้างที่อยู่ภายใต้ข้อบังคับนี้
แองเจล จง กล่าวว่า
“ด้วยมาตรการของรัฐบาล ฉันคิดว่าออสเตรเลียอยู่ในจุดที่สมดุลดีแล้ว... เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการเงินได้”
“หมายถึงคนที่ยังอยากใช้เงินสด ก็ยังสามารถใช้ได้”
นอกจากนี้ มาตรการเดียวกันยังรวมถึงการยุติการใช้เช็ก (cheque) โดยจะหยุดการออกเช็กตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2028 และจะไม่รับเช็กอีกต่อไปตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2029

ตามรายงานของ Worldpay Global Payments แม้ออสเตรเลียกำลังมุ่งหน้าสู่สังคมไร้เงินสด แต่การใช้เงินสดในประเทศยังถือว่าสูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย ที่มีการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบชำระเงินดิจิทัลอย่างชัดเจนมากกว่า Source: SBS
ทำไมบางคนยังชอบใช้เงินสด?
ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่แพง ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว และความเชื่อถือได้ในกรณีระบบล่ม เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายคนยังคงเลือกใช้เงินสด
โดยที่มีเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว ผู้ใช้บริการที่ซูเปอร์มาร์เก็ต Coles และ Woolworths จำนวนมากไม่สามารถชำระเงินได้ เนื่องจากเหตุการณ์ระบบล่มจาก CrowdStrike
“เหตุการณ์นั้น รวมถึงกรณีอื่น ๆ อย่างการล่มของระบบ Optus สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบชำระเงินดิจิทัล” แองเจล จง กล่าว
สำหรับเจสัน ไบรซ์ เหตุการณ์ที่ Optus ขัดข้องยิ่งเน้นย้ำให้เห็นว่า การพกเงินสดติดตัวไว้ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ

กราฟแสดงจำนวนสาขาธนาคารและตู้เอทีเอ็มในออสเตรเลียที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง Source: SBS
“และผมคิดว่าหลายคนในออสเตรเลียเริ่มตระหนักแล้วว่า เราไม่ควรปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีธนบัตรสักใบในกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ 50 หรือ 20 ดอลลาร์ เพราะเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
แม้ว่าการใช้เงินสดเพื่อซื้อของจะค่อย ๆ ลดลง แต่ที่น่าสนใจคือ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ความต้องการใช้ธนบัตรกลับพุ่งสูงขึ้น
ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ระบุว่า มูลค่าธนบัตรที่หมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นถึง 22% หรือประมาณ 19,000 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 จนถึงจุดสูงสุดในเดือนธันวาคม 2022
ทาง RBA วิเคราะห์ว่า ธนบัตรเหล่านี้ถูกเก็บสะสมไว้เพื่อรักษามูลค่า หรือเป็นเงินสำรองในยามฉุกเฉิน