จุน เฟิง อาศัยอยู่ทางเขตตะวันตกของนครซิดนีย์มากว่า 25 ปีแล้ว เมื่อลูก ๆ เติบโตขึ้น เธอก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
“ตอนลูกยังเล็ก ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้พวกเขาทำงานแล้ว ก็ยังซื้อบ้านไม่ได้ มหาวิทยาลัยก็แพงมาก” เธอบอกกับ SBS News
ตั้งแต่ย้ายมาออสเตรเลียจากประเทศจีนในช่วงทศวรรษ 1990 เธอเห็นว่าค่าครองชีพที่นี่ค่อย ๆ แพงขึ้นเรื่อย ๆ และในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยว ชีวิตหลังเกษียณของเธอก็ไม่ง่ายเลย
ปัจจุบันเฟิงซึ่งบอกว่า
“อายุใกล้จะ 70 แล้ว ก็ยังต้องอาศัยอยู่ร่วมกับลูกชายวัย 32 ปีในบ้านหลังเล็กสองห้องนอน
LISTEN TO

เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กคนไทยเผย ปรับตัวให้รอดอย่างไรในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจออสเตรเลีย
SBS Thai
24:51
เฟิงเข้าร่วมงานเวทีเสวนาการเมืองที่จัดโดย SBS ในย่านพารามัตตาทางตะวันตกของซิดนีย์เมื่อวันพฤหัสบดี
ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้สมัครจากเขตเลือกตั้งพารามัตตา,โฟลเลอร์, รี้ดและแบล็กส์แลนด์ ได้พบและพูดคุยกับประชาชนโดยตรง
แม้คนส่วนใหญ่จะเลือกติดสติกเกอร์ไว้ที่ป้าย “ค่าครองชีพ” ในฐานะประเด็นที่สำคัญที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เฟิงเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เลือก “ที่อยู่อาศัย”
เธอมองว่า ปัญหาหลักในตอนนี้คือราคาบ้านที่ไม่เอื้อต่อคนรุ่นใหม่ และเธอตั้งใจจะเลือกผู้สมัครที่สามารถทำให้ชีวิตของลูกชายและลูกสาวดีขึ้นได้
“มันเป็นปัญหาใหญ่ ลูกชายฉันอยากย้ายออกไปอยู่เอง แต่เงินไม่พอ เขาคิดว่าอาจจะอีกสักปีถึงจะเก็บเงินได้มากกว่านี้” เธอกล่าว
เฟิงยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใครในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่เมื่อปี 2022 เธอเคยลงคะแนนให้พรรคแรงงาน (Labor)
เขตเลือกตั้งของเธอคือ ฟาวเลอร์ (Fowler) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากที่สุดในออสเตรเลีย
จากข้อมูลสำมะโนประชากรปี 2021 พบว่าผู้อยู่อาศัยอย่างน้อย 19% มีเชื้อสายเวียดนาม และอีกกว่า 14% มีพื้นเพมาจากจีน
ในอดีต เขตฟาวเลอร์เป็นฐานเสียงมั่นคงของพรรคแรงงานมาโดยตลอด แต่เกิดการพลิกล็อกครั้งใหญ่ในปี 2022
เมื่อ ได เล (Dai Le) ผู้สมัครอิสระ เอาชนะอดีตมุขมนตรีของรัฐนิวเซาท์เวลส์ คริสตินา คีนีลลี (Kristina Keneally) ซึ่งเป็นตัวแทนจากพรรคแรงงาน
คีนีลลีไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่หรือมีความเกี่ยวข้องกับชุมชน แต่ถูก “ส่งตัวลงสนาม” โดยพรรค ทำให้เกิดกระแสต่อต้านในท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีซี ถึงกับยอมรับว่า พรรคแรงงาน "ตัดสินใจผิดพลาด" ที่เลือกเธอลงสมัครในเขตนี้
สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคแรงงานเสนอชื่อ ทู เล (Tu Le) นักกฎหมายจากศูนย์ช่วยเหลือทางกฎหมายชุมชน และเป็นคนในพื้นที่โดยตรง เป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต ฟาวเลอร์

ทู เล เป็นลูกสาวของผู้ลี้ภัยชาวเวียดนาม และเคยทำงานให้กับคริส เฮย์ส อดีต ส.ส. เขต Fowler4o Source: SBS / Cameron Carr
เมื่อถูกถามว่าพรรคแรงงานได้เรียนรู้จากบทเรียนการเลือกคีนีลลีแทนเธอหรือไม่ ทู เล ตอบกับ SBS News ในงานเวทีเสวนาว่า เธอเข้าใจดีถึง “ความยากลำบากที่ชุมชนกำลังเผชิญ”
“ฉันเป็นคนในพื้นที่ เป็นแม่ด้วย ฉันทุ่มเทกับการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะได้ผู้แทนที่อยู่ในรัฐบาล และสามารถส่งมอบสิ่งที่ชุมชนของเราต้องการจริง ๆ”
ผู้สมัครจากพรรคแรงงาน ทู เล (Tu Le) ระบุว่า การมี ส.ส. จากพรรคการเมืองหลัก จะช่วยให้สามารถผลักดันเรื่องต่าง ๆ ต่อรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง เพื่อประโยชน์ของชุมชน
“ฉันคิดว่านี่คือความแตกต่างสำคัญระหว่างผู้แทนที่อยู่ในรัฐบาล กับคนที่อยู่นอกวงอำนาจ”
ในการจะคว้าชัยในเขต ฟาวเลอร์ ทู เล จำเป็นต้องโน้มน้าวให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกลับมาเทคะแนนให้พรรคแรงงาน แทนที่จะเลือกผู้สมัครอิสระ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะ ได เล (Dai Le) ยังคงได้รับความนิยมสูงในพื้นที่
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งยังไม่ตัดสินใจ
คณะกรรมการการเลือกตั้งออสเตรเลีย (AEC) คาดว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในออสเตรเลียราว ครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 18 ล้านคน จะไปใช้สิทธิก่อนวันเลือกตั้ง 3 พฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม มาร์ลีน เอซิอูซอร์ คือหนึ่งในผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าเธอจะเลือกใคร เธอบอกกับ เอสบีเอส นิวส์ ว่า รู้สึกเหมือนนักการเมืองเพิกเฉยต่อคนอย่างเธอมานานหลายสิบปี
มาร์ลีนอาศัยอยู่ในบ้านสวัสดิการ (social housing) และอยากเห็นพรรคการเมืองที่ช่วยให้ผู้พิการมีโอกาสได้เป็นเจ้าของบ้านเช่นกัน

มาร์ลีน เอซิอูซอร์ มีพังผืดในปอด ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำงานของเธอ Source: SBS / Cameron Carr
“มันคงจะดีมาก ถ้ารัฐบาลสามารถช่วยให้คนที่พึ่งพาเงินช่วยเหลือด้านความพิการมีโอกาสได้เป็นเจ้าของบ้านของตัวเองบ้าง”
แม้เธอยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัดว่าจะเลือกใคร แต่มาร์ลีนเริ่มเอนเอียงไปทางสนับสนุน ปีเตอร์ ดัตตัน ผู้นำฝ่ายค้านในปัจจุบัน
ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเทใจให้พรรคเล็กมากขึ้น
ทั้งพรรคแรงงานและพรรคร่วมฝ่ายค้าน (Coalition) อาจเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ในการช่วงชิงคะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เนื่องจากประชาชนเริ่มเบนความสนใจไปยังพรรคเล็กและผู้สมัครอิสระมากขึ้น
ในการเลือกตั้งระดับประเทศครั้งก่อน เกือบ หนึ่งในสามของผู้ลงคะแนนเสียง เลือกพรรคเล็กหรือผู้สมัครอิสระ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในรอบเกือบ 100 ปี
ฌอน แรตคลิฟฟ์ นักรัฐศาสตร์จากบริษัทวิจัย Accent Research ระบุว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนมากกำลังเบนความสนใจออกจากสองพรรคใหญ่ โดยการสนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างมากกำลัง “ถดถอย” อย่างเห็นได้ชัด
เขาชี้ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจมีคนหันไปสนับสนุน พรรคกรีนส์ (Greens) และผู้สมัครอิสระมากขึ้น
“มีเพียง 56% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้นที่คิดว่ารัฐบาลเสียงข้างมากจากพรรคแรงงานหรือพรรคร่วม (Coalition) เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับออสเตรเลีย”
แรตคลิฟฟ์กล่าวระหว่างการแถลงต่อสโมสรผู้สื่อข่าวแห่งชาติเมื่อวันอังคาร
เสียงจากกลุ่มชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรม
วิลเลียม ซึง ประธานองค์กร Korean Australian Community Support กล่าวว่า กลุ่มชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรมบางกลุ่มยังคงมีแนวโน้มจะสนับสนุนพรรคการเมืองใหญ่ เขากล่าวกับ เอสบีเอส นิวส์ ว่า
“เสียงของชุมชนต่างๆ บางครั้งก็ถูกมองข้าม หลายคนในชุมชนเกาหลีสนับสนุนพรรคใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคแรงงานหรือบางส่วนก็เลือกสนับสนุนพรรคลิเบอรัล”
และหนึ่งในความกังวลหลักของชาวเกาหลีในเขต ฟาวเลอร์ และบริเวณใกล้เคียง คือการมี พื้นที่ปลอดภัยสำหรับการรวมตัวของชุมชน

วิลเลียม ซึง ผู้นำชุมชนเกาหลี กล่าวว่า ชุมชนหลากภาษาและวัฒนธรรมให้ความสำคัญกับการมีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการรวมตัวและรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป Source: SBS / Cameron Carr
“เราต้องการหอประชุมชุมชนที่ได้รับการปรับปรุง และระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยขึ้น” เขากล่าว
“หอประชุมมีความสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับเด็ก ๆ และเพื่อการรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมเกาหลี”