มณฑลนครหลวงออสเตรเลีย (เอซีที)
หน้ากากอนามัย
ผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ในร่มทุกประเภท (ยกเว้นในที่พักอาศัย) รวมถึงเมื่ออยู่ในอาคารผู้โดยสารของสนามบินแคนเบอร์รา และขณะโดยสารเที่ยวบินพาณิชย์ในประเทศเข้าออกกรุงแคนเบอร์รา
การเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ด
ไม่อนุญาตให้เก็บข้อมูลผู้ใช้บริการโดยเขียนบันทึกลงกระดาษ นับแต่นี้เป็นต้นไปสถานประกอบการต้องใช้
การจำกัดความหนาแน่น
ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้มาเยี่ยมบ้านหรือจำนวนผู้เข้าร่วมการรวมกลุ่มกลางแจ้งอย่างไม่เป็นทางการ
งานอีเวนต์ในร่มทุกประเภทจำกัดความหนาแน่น 1 คนต่อพื้นที่ 2 ตารางเมตร (ไม่รวมเจ้าหน้าที่)
หากมีคนมากกว่า 25 คนอยู่ในสถานที่ในร่มแห่งเดียวกัน ข้อจำกัดความหนาแน่นนี้ครอบคลุมสถานที่และกิจกรรมต่อไปนี้ด้วย
- สถานประกอบธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจบริการ และบริการดูแลส่วนบุคคล
- สถานบันเทิงและนันทนาการ ศูนย์ชุมชนและวัฒนธรรม
- คาสิโน คลับ สถานที่เล่นการพนันและตัวแทนรับเดิมพัน
- สถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา งานศพ และงานแต่งงาน
- ยิม สโมสรสุขภาพ ศูนย์ออกกำลังกายหรือศูนย์สุขภาพ ออกกำลังกายส่วนบุคคลกับผู้ฝึกสอน บูตแคมป์ คลาสเรียนเต้น สระว่ายน้ำ และกิจกรรมกีฬาที่มีผู้จัดงาน
การเดินทาง
ขณะนี้ไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางข้ามรัฐเข้าเอซีที ยกเว้นกรณีผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ
ผู้เดินทางที่ได้รับแจ้งในท้องที่อื่นว่าเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดต้อง ก่อนเดินทางเข้าเอซีที
ผู้เดินทางจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว ต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
- กรอกทางออนไลน์ ภายใน 24 ชั่วโมงนับจากมาถึงเอซีที
- เข้ารับการตรวจโควิด-19 ด้วยวิธีพีซีอาร์ (PCR) ภายใน 24 ชั่วโมงนับจากมาถึงออสเตรเลีย และกักตัวจนกว่าจะได้รับผลตรวจเป็นลบ
- เข้ารับการตรวจโควิดด้วยวิธีพีซีอาร์อีกครั้งในวันที่ 6 หลังมาถึงออสเตรเลีย
รัฐนิวเซาท์เวลส์
หน้ากากอนามัย
ผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ในร่มทุกประเภท (ยกเว้นในที่พักอาศัย) รวมถึงเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะหรืออยู่ในบริเวณรอใช้บริการขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ยังกำหนดให้ผู้ที่ทำงานในสถานประกอบธุรกิจบริการและติดต่อโดยตรงกับประชาชนทั่วไปต้องสวมหน้ากากด้วยเช่นกัน
กฎสวมหน้ากากอนามัยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 27 มกราคม
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการกักตัว
ภายใต้คำแนะนำฉบับใหม่ ผู้ปฏิบัติงานสาขาการดูแลสุขภาพที่เสี่ยงสัมผัสเชื้อจากกรณีโควิด-19 ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ สามารถออกจากการกักตัวและกลับมาทำงานได้หลังกักตัวแล้ว 7 วัน ลดลงจากเดิมที่ 14 วัน
ผู้ปฏิบัติงานกลุ่มดังกล่าวต้องมีผลตรวจพีซีอาร์เป็นลบในวันที่ 6 และดำเนินการตามแผนประเมินความเสี่ยง (risk assessment plan) ก่อนกลับเข้าทำงาน
การเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ด
ต้องเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ดทาง COVID Safe Check-in เมื่อใช้สถานที่ต่อไปนี้
- สถานประกอบธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจบริการ และบริการดูแลส่วนบุคคล
- ยิม (ยกเว้นสตูดิโอการเต้น โยคะ พิลาทีส ยิมนาสติก และศิลปะป้องกันตัว)
- ไนต์คลับ คาสิโน และเทศกาลดนตรีในร่มที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน
- โรงพยาบาล (ยกเว้นผู้ป่วยของโรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลที่มีระบบบันทึกการเข้าออกอิเล็กทรอนิกส์ที่บันทึกข้อมูลเพียงพอใช้ติดตามผู้สัมผัสเชื้อได้)
- สถานดูแลประเภทบ้านพัก (residential care facilities) หรือโฮสเทล (ยกเว้นผู้พักอาศัย)
- สถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาสาธารณะ เช่น โบสถ์ มัสยิด วัด สุเหร่ายิว และธรรมศาลา
- งานศพ พิธีรำลึก และงานรวมตัวที่เกี่ยวข้อง
มาตรการเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ดทาง COVID Safe Check-in มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 27 มกราคม
การจำกัดความหนาแน่น
สถานประกอบธุรกิจบริการ รวมถึงผับ คลับ ร้านอาหารและร้านกาแฟ จำกัดความหนาแน่น 1 คนต่อพื้นที่ในร่ม 2 ตารางเมตร แต่ไม่จำกัดความหนาแน่นสำหรับพื้นที่กลางแจ้ง
มาตรการจำกัดความหนาแน่นมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 27 มกราคม
ข้อกำหนดเกี่ยวกับวัคซีน
ตอนนี้สถานที่ส่วนใหญ่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์เปิดรับประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะมีสถานะการฉีดวัคซีนเป็นอย่างไร
คุณไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนครบถ้วนเพื่อรับผู้มาเยี่ยมบ้าน หรือไปเยี่ยมบ้านผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม คุณยังต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดสหากเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีในร่มขนาดเกิน 1,000 คน หรือหากคุณ
การเดินทาง
ไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางเมื่อเดินทางระหว่างพื้นที่มหานครซิดนีย์และปริมณฑล (Greater Sydney) ไปมากับพื้นที่ส่วนภูมิภาคและส่วนชนบทของรัฐนิวเซาท์เวลส์เพื่อการท่องเที่ยว หรือเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจภายในรัฐ
ผู้เดินทางต่างรัฐจากท้องที่ในรายชื่อพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พื้นที่เฝ้าระวัง และสถานที่เฝ้าระวังสูงสุดตาม (NSW Health) ไม่สามารถเดินทางข้ามรัฐมายังรัฐนิวเซาท์เวลส์ได้
โปรดตรวจสอบกฎระเบียบล่าสุดสำหรับ และผู้ที่เดินทางผ่านรัฐนิวเซาท์เวลส์จากต่างประเทศ
มณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี
มาตรการล็อกดาวน์
เมืองเทนแนนต์ครีก (Tennant Creek) อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์จนถึงเวลา 17.00 น. ของวันพุธที่ 29 ธันวาคม 2021
ผู้ปฏิบัติงานสาขาจำเป็นอาจเข้าพื้นที่เขตยกเว้นได้ แต่ต้องสวมหน้ากากและตรวจเชื้อทุกวันด้วยชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลไว
ผู้อาศัยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมทั้งผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วเพียงโดสเดียว ต้องปฏิบัติตามคำสั่งให้อยู่ในที่พักอาศัย
ส่วนผู้อาศัยที่ฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติภายในพื้นที่ล็อกเอาต์ เฉพาะผู้ฉีดวัคซีนครบแล้วเท่านั้นที่สามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้
หน้ากากอนามัย
ทุกคนในเมืองเทนแนนต์ครีกต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่นอกที่พักอาศัย
นอกจากนี้ ยังใช้กฎสวมหน้ากากในพื้นที่ Barkly Local Government Area, Ali Curung และดินแดนมาตุภูมิโดยรอบ อันได้แก่ Imangara, Imperrenth, Double D, Junkaji และ Wakurlpu จนถึงเวลา 17.00 น. ของวันพุธที่ 29 ธันวาคม 2021
การเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ด
สถานประกอบการ ศูนย์การค้า สถานที่จัดงานและอีเวนต์ทั้งหมดต้องใช้แอปพลิเคชัน ยังคงอนุญาตให้บันทึกข้อมูลผู้เข้าใช้บริการด้วยกระดาษกับปากกาได้ คุณต้องเช็กอินทุกที่ที่คุณไป ไม่ว่าจะใช้เวลาในสถานที่นั้นมากน้อยเพียงใดก็ตาม
การเดินทาง
ผู้มาเยือนที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วสามารถเดินทางเข้ามณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีได้โดยไม่ต้องกักตัว
ผู้อาศัยในมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรีที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเดินทางกลับเข้าพื้นที่ และผู้ที่ ต้องเป็นเวลา 14 วันโดยออกค่าใช้จ่ายเอง
ไม่อนุญาตให้ผู้มาเยือนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเดินทางเข้ามณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี
เมื่ออยู่ในมณฑลนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี คุณสามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวและอุทยานแห่งชาติที่สำคัญนอก ซึ่งรวมถึง Litchfield National Park, Kakadu National Park, Nitmiluk National Park, Karlu Karlu / Devils Marbles, West MacDonnell National Park, Uluru-Kata Juta National Park
รัฐควีนส์แลนด์
หน้ากากอนามัย
ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม ต้องสวมหน้ากากในสถานการณ์ต่อไปนี้
- เมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ รวมถึงพื้นที่ชานชาลาและท่าเรือเฟอร์รี
- ในรถแท็กซี่และรถรับจ้าง (rideshare) รวมถึงจุดเรียกรถแท็กซี่และพื้นที่รอรับผู้โดยสาร
- ในร้านค้าปลีกและสถานบันเทิง
- ในทุกพื้นที่ของสนามบินในรัฐ รวมถึงจุดจอดรถและรอรถโดยสารกลางแจ้ง และขณะโดยสารเที่ยวบินพาณิชย์ในประเทศเหนือน่านฟ้ารัฐควีนส์แลนด์
- ผู้ปฏิบัติงานสายการดูแลสุขภาพและพนักงานบริการต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา (ขณะนี้ไม่บังคับให้ผู้ใช้บริการสถานประกอบธุรกิจบริการสวมหน้ากาก)
- ผู้เข้าเยี่ยมในโรงพยาบาล สถานดูแลสุขภาพ บ้านพักผู้สูงอายุ ที่พักผู้พิการ และเรือนจำ
การเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ด
ผู้ดำเนินกิจการต้องเก็บข้อมูลติดต่อ หลักฐานการฉีดวัคซีนหรือหลักฐานทางการแพทย์ที่ยกเว้นการฉีดวัคซีน จากพนักงาน ลูกค้า และผู้ใช้บริการทุกคน เมื่อเข้าพื้นที่สถานประกอบการ โดยใช้แอปพลิเคชัน
หากผู้ดำเนินกิจการไม่สามารถใช้แอปพลิเคชัน ต้องใช้มาตรการทางเลือกอื่น ๆ บันทึกข้อมูลติดต่อ
ข้อกำหนดเกี่ยวกับวัคซีนและการจำกัดความหนาแน่น
ไม่มีการใช้มาตรการจำกัดความหนาแน่นสำหรับธุรกิจที่อนุญาตให้ใช้บริการได้เฉพาะผู้ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วเท่านั้น ได้แก่
- สถานประกอบธุรกิจบริการ เช่น ผับ คลับ บาร์ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านฟาส์ตฟู้ด
- สถานบันเทิงในร่ม เช่น ไนต์คลับ สถานที่จัดแสดงดนตรีสด บาร์คาราโอเกะ คอนเสิร์ต โรงละครหรือโรงภาพยนตร์ คาสิโน
- กิจกรรมสันทนาการกลางแจ้ง เช่น สนามกีฬา สวนสนุก
- งานเทศกาล (ทั้งในร่มและกลางแจ้ง) เช่น เทศกาลดนตรี เทศกาลฟอล์ก เทศกาลศิลปะ
- กิจกรรมอีเวนต์ (ทั้งในร่มและกลางแจ้ง) เช่น ศูนย์การประชุม งานมหกรรม สถานที่จัดการแสดง
- หอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ และห้องสมุดของรัฐบาลควีนส์แลนด์
ไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้สถานที่จัดงานเช่าเหมาส่วนบุคคล หากทุกคนฉีดวัคซีนครบแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีผู้เข้าร่วมงานที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบโดส ต้องปฏิบัติตามกฎจำกัดความหนาแน่นเนื่องจากโควิด-19 กล่าวคือ รองรับผู้เข้าร่วมงานสูงสุด 20 คน หรือสัดส่วน 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร แล้วแต่จำนวนใดจะน้อยกว่า
การเดินทาง
ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2021 (hotspot) ที่อยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจโควิดแบบพีซีอาร์ในวันที่ 5 นับจากมาถึงรัฐควีนส์แลนด์อีกต่อไป
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2022 ที่เดินทางเข้ารัฐควีนส์แลนด์สามารถใช้ผลตรวจโควิดเป็นลบด้วยชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลไว (Rapid Antigen Test) หรือผลตรวจพีซีอาร์ที่ตรวจภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเข้ารัฐควีนส์แลนด์ เป็นหลักฐานเพื่อใช้เข้ารัฐได้
คุณต้องลงทะเบียนและรับก่อนเข้ารัฐ โปรดตรวจสอบข้อมูลการเตรียมการที่จำเป็นก่อนเดินทางจากลิงก์ต่อไปนี้
- เดินทางจาก (ในประเทศ)
- เดินทางจาก (ใบอนุญาตสำหรับพื้นที่พรมแดน)
- เดินทางจาก (ไม่มีข้อจำกัด)
- เดินทางจาก
- เคยอยู่ใน
รัฐเซาท์ออสเตรเลีย
หน้ากากอนามัย
ขณะนี้ต้องสวมหน้ากากอนามัยในภาคบริการดูแลสุขภาพ บริการขนส่งผู้โดยสาร สถานการณ์ความเสี่ยงสูง สนามบินและเครื่องบิน การดูแลส่วนบุคคล สถานที่สาธารณะในร่ม และผู้อยู่ระหว่างกักตัว
การเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ด
ร้านค้าปลีกและธุรกิจทั่วไปที่ประกอบ หรือกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 คน หรือบริการขนส่งผู้โดยสาร ต้องใช้แอปพลิเคชัน หรือระบบติดตามผู้สัมผัสที่ได้รับอนุญาตอื่น ๆ
ทุกคนที่เข้าพื้นที่อาคาร สถานประกอบการ หรือสถานที่จัดงาน ต้องสแกนคิวอาร์โค้ดด้วยแอปพลิเคชัน COVID SAfe Check-In
การจำกัดความหนาแน่น
มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม
ธุรกิจบริการในร่มอยู่ภายใต้กฎความหนาแน่น 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร ส่วนกิจกรรมกลางแจ้งกำหนดความหนาแน่น 1 คนต่อ 2 ตารางเมตร
ยิมออกกำลังกายจำกัดที่ 1 คนต่อ 7 ตารางเมตร ขณะที่การรวมกลุ่มในที่พักอาศัยลดจำนวนคนจาก 30 คนเหลือ 10 คน
การเดินทาง
ตั้งแต่เที่ยงคืนวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม ทางการยกเลิกข้อกำหนดตรวจเชื้อแบบพีซีอาร์สำหรับผู้เดินทางเข้ารัฐ
คุณสามารถเดินทางจากต่างประเทศเข้ารัฐเซาท์ออสเตรเลียได้หากฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบถ้วน โดยเป็นวัคซีนชนิดที่คณะกรรมาธิการควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพของออสเตรเลีย (Australia's Therapeutic Goods Administration หรือ TGA) อนุมัติหรือรับรองแล้ว
รัฐแทสเมเนีย
หน้ากากอนามัย
ผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ในร่มทุกประเภท (ยกเว้นในที่พักอาศัย) รวมถึงบริเวณในร่มของเรือพาณิชย์หรือเรือนันทนาการ เช่น เรือสำราญและเรือเดินสมุทรอื่น ๆ ที่เดินเรือในน่านน้ำรัฐแทสเมเนีย ตลอดจนบริการขนส่งสาธารณะ รถแท็กซี่และรถรับจ้าง
ต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในสนามบิน ท่าเรือ ขณะโดยสารเครื่องบินและเรือเฟอร์รี Spirit of Tasmania รวมถึงเมื่ออยู่ในงานอีเวนต์กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีผู้ร่วมงานมากกว่า 1,000 คน
การเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ด
ผู้อาศัยในรัฐแทสเมเนียและผู้มาเยือนต้องใช้แอปพลิเคชัน เมื่อเข้าใช้บริการสถานประกอบการต่าง ๆ องค์กรหน่วยงาน และงานอีเวนต์
การเดินทาง
หากคุณฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว หรือได้รับอนุญาตยกเว้นและไม่ได้อยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงสูงสุด (extreme-risk area) ในช่วง 14 วันก่อนเดินทางถึงรัฐแทสเมเนีย คุณสามารถลงทะเบียนเดินทางได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านการตรวจเชื้อและไม่ต้องกักตัว
เงื่อนไขสำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้ารัฐแทสเมเนียขึ้นอยู่กับสถานะการฉีดวัคซีนของผู้เดินทางแต่ละคนและสถานที่ที่อาศัยหรือเดินทางก่อนมาถึงรัฐแทสเมเนีย ผู้เดินทางจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบแล้วควรตรวจสอบ
รัฐวิกตอเรีย
หน้ากากอนามัย
ผู้มีอายุ 8 ปีขึ้นไปต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ในร่มทุกประเภทในรัฐวิกตอเรีย (ยกเว้นบางสถานการณ์ เช่น ในที่พักอาศัย เมื่อรับประทานอาหารเครื่องดื่ม หรือเมื่อรับบริการเสริมความงาม)
ต้องสวมหน้ากากเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ รถแท็กซี่หรือรถรับจ้าง ยานพาหนะเพื่อการท่องเที่ยว ขณะโดยสารเที่ยวบินพาณิชย์และเมื่ออยู่ในสนามบิน
ในงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมตั้งแต่ 30,000 คนขึ้นไป ต้องสวมหน้ากากเมื่ออยู่ในพื้นที่จัดงานทั้งในร่มและกลางแจ้ง แต่ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากหากมีการกำหนดที่นั่งกลางแจ้ง
การเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ด
สถานที่ทำงานทุกแห่งต้องใช้แอปพลิเคชัน เก็บบันทึกข้อมูลเช็กอินของพนักงานและผู้มาเยือนทุกคน
หากคุณเข้าพื้นที่สถานประกอบการหรือสถานที่ทำงาน ต้องเช็กอินเมื่อเข้าพื้นที่ผ่านแอปพลิเคชัน Service Victoria ไม่ว่าจะใช้เวลาในสถานที่นั้นมากน้อยเพียงใด
ข้อกำหนดเกี่ยวกับวัคซีน
ในรัฐวิกตอเรีย เฉพาะผู้ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วเท่านั้นที่สามารถเข้าสถานที่เหล่านี้ได้
- ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (เช่น ร้านอาหาร ผับ)
- สถานที่เที่ยวกลางคืน (เช่น บาร์ ไนต์คลับ)
- กิจกรรมความบันเทิง (เช่น โรงภาพยนตร์ สวนสัตว์)
- งานอีเวนต์ (เช่น เทศกาล งานวิ่งผ่อนคลาย การประชุม)
- สถานที่ท่องเที่ยว (เช่น ทัวร์เดินชมสถานที่ รถบัสนำเที่ยว)
- คาสิโน สถานที่เล่นการพนัน และสถานบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่
- ศูนย์ชุมชนและศูนย์ศิลปะ
- สถานที่เล่นกีฬาและกิจกรรมนันทนาการ (เช่น สนามกีฬา ยิม สระว่ายน้ำ) และการแข่งขันกีฬา
ร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ขายแบบซื้อกลับ (takeaway) เท่านั้น ไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้านวัคซีน
ข้อกำหนดด้านวัคซีนไม่ครอบคลุมถึงผู้เข้าร่วมเล่นกีฬาชุมชน (เช่น นัดแข่งฟุตบอลในท้องถิ่น) หรือผู้ใช้สระว่ายน้ำด้วยเหตุผลจำเป็นทางการแพทย์ เช่น การรักษาด้วยวารีบำบัด (hydrotherapy)
ไม่มีข้อกำหนดด้านวัคซีนหรือการจำกัดจำนวนคนสำหรับงานแต่งงาน งานศพ และพิธีกรรมทางศาสนา
อย่างไรก็ตาม หากงานแต่งงานหรือพิธีจัดในสถานที่ที่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดด้านวัคซีน เช่น สถานประกอบธุรกิจบริการ ศูนย์ชุมชน หรือสถานบันเทิง ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านวัคซีนที่ใช้ในสถานที่นั้น ๆ
การเดินทาง
ขณะนี้ไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางภายในรัฐวิกตอเรีย
ผู้เดินทางในประเทศเข้ารัฐวิกตอเรียไม่จำเป็นต้องขอใบอนุญาตเดินทางเข้ารัฐไม่ว่าจะมีสถานะการฉีดวัคซีนอย่างไร ยกเว้นกรณีอยู่ต่างประเทศในช่วง 14 วันก่อนมาถึง
หากเดินทางเข้ารัฐวิกตอเรียจากต่างประเทศ โปรดตรวจสอบข้อกำหนดที่เว็บไซต์
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย
หน้ากากอนามัย
ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะในร่มทุกประเภท และเมื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ รถแท็กซี่หรือรถรับจ้าง ในพื้นที่นครเพิร์ทและพื้นที่พีล (Peel) กฎสวมหน้ากากนี้มีผลถึงวันที่ 4 มกราคม
ผู้ที่มาจากนครเพิร์ทและพื้นที่พีล (รวม Rottnest Island) ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม 2021 และเดินทางเข้าพื้นที่ส่วนภูมิภาค ต้องสวมหน้ากากตามข้อกำหนดที่บังคับใช้ในนครเพิร์ทและพื้นที่พีล
การเช็กอินผ่านคิวอาร์โค้ด
ต้องบันทึกข้อมูลติดต่อของผู้เข้าใช้สถานที่ผ่านแอปพลิเคชัน
การจำกัดความหนาแน่น
ขณะนี้ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้ใช้สถานที่หรือเข้าร่วมงานอีเวนต์ในท้องที่นอกนครเพิร์ทและพื้นที่พีล
ในนครเพิร์ทและพื้นที่พีล เฉพาะสถานประกอบการธุรกิจบริการที่มีใบอนุญาต (licensed) สามารถจัดรับประทานอาหารเครื่องดื่มได้แบบกำหนดที่นั่ง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2021 จนถึงเวลา 6.00 น. ของวันอังคารที่ 28 ธันวาคม 2021
ไม่อนุญาตให้จัดการรวมกลุ่มทุกประเภทในนครเพิร์ทและพื้นที่พีลที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 500 คน (ทั้งงานสาธารณะและส่วนบุคคล) ซึ่งมีการเล่นดนตรีแบบบันทึกเสียง หรือแสดงดนตรีสดที่มีการร้องเพลงหรือเต้นเพื่อจุดประสงค์ด้านความบันเทิง
การเดินทาง
ผู้เดินทางมายังรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย (ทั้งจากรัฐอื่นและจากต่างประเทศ) ที่มาจากพื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง ความเสี่ยงสูง และความเสี่ยงสูงสุด ต้องได้รับอนุญาตเดินทางผ่านระบบ โปรดตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ก่อนวางแผนเดินทาง
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
จะโทรหาใครเมื่อมีเหตุฉุกเฉินในออสเตรเลีย