สิทธิลูกจ้างในออสเตรเลียได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา โดยรัฐบาลอัลบานีซีได้เสนอมาตรการปฏิรูปหลากหลาย เพื่อปกป้องลูกจ้างได้ดีขึ้นในเรื่องความมั่นคงของงาน สิทธิด้านค่าจ้าง การทำงานที่ยืดหยุ่นได้ และอื่น ๆ
การแก้ไขพระราชบัญญัติการจ้างงานที่เป็นธรรม (Fair Work Act) บางประการ ได้ถูกนำมาใช้แล้ว ภายใต้ร่างกฎหมาย "งานที่มั่นคง ค่าตอบแทนที่ดีกว่า" ของรัฐบาลสหพันธรัฐใน 2022 และร่างกฎหมาย "การปิดช่องโหว่" ในระยะแรก ซึ่งผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาในปี 2023
ยังมีข้อกำหนดอื่น ๆ ที่จะตามมา โดยร่างกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ล่าสุดประกอบด้วยข้อเสนอที่จะทยอยมีผลบังคับใช้หลังผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาในวันจันทร์ (12 ก.พ. 2024)
รศ. คริส ไรต์ จากคณะธุรกิจ มหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่า การแก้ไขกฎหมายดังกล่าวนั้น "จำเป็น" เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาหลายสิบปีภายในเศรษฐกิจออสเตรเลีย
“หลักฐานการวิจัยบ่งชี้ว่า แรงผลักดันของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีความสำคัญต่อการปรับสมดุลระหว่างลูกจ้างและนายจ้าง หลังจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่เอื้อประโยชน์แก่นายจ้างมานานกว่า 30 ปี” รศ.ไรต์ บอกกับเอสบีเอสนิวส์ โดยเขาไดเเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในการไต่สวนหาความจริงของคณะกรรมการวุฒิสภาทั้งที่เกี่ยวกับกฎหมายด้านความมั่นคงของงาน การจ่ายค่าจ้าง และการปิดช่องโหว่
รศ.จูเซฟเป คาราเบตตา อาจารย์ด้านกฎหมายการจ้างงานของคณะธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ซิดนีย์ อธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ "สำคัญมาก เนื่องจากพวกเขาเปลี่ยนอำนาจการต่อรองกลับไปเป็นของลูกจ้างในระดับหนึ่ง ให้ความคุ้มครองทางกฎหมายแก่ลูกจ้างมากขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น"
ต่อไปนี้คือสิทธิบางอย่างของลูกจ้างที่เปลี่ยนแปลงไป
การปฏิรูปล่าสุด
ส่วนที่ 2 ของร่างกฎหมาย "ปิดช่องโหว่" ที่รัฐบาลสหพันธรัฐเสนอนั้น ขณะนี้อยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคแรงงานครองเสียงข้างมาก
ร่างกฎหมายนี้รวมถึงสิ่งที่เรียกกันว่า สิทธิในการตัดขาดการติดต่อ (rights to disconnect) ซึ่งจะให้อำนาจแก่ลูกจ้างที่จะเพิกเฉยต่อโทรศัพท์หรืออีเมลจากที่ทำงานนอกเวลางานได้ อย่างไรก็ตาม จะมีบทบัญญัติสำหรับนายจ้างที่โทรหาลูกจ้างเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงกะการทำงานของพวกเขา
และการเปลี่ยนแปลงจะไม่ครอบคลุมถึงผู้จัดการที่ต้องพูดคุยกับธุรกิจในโซนเวลาอื่นช่วงกลางคืน รวมถึงอุตสาหกรรมที่การทำงานแบบพร้อมให้บริการทุกเวลาเมื่อเรียกหา (on-call work) เป็นสิ่งสำคัญ
แต่ร่างกฎหมายนี้จะได้รับการแก้ไข รวมทั้งบทลงโทษทางอาญาสำหรับเจ้านายที่ฝ่าฝืนกฎ โดยคาดว่าจะมีการตัดบทลงโทษทางอาญานี้ออกไป
Gig economy workers will get minimum standards, including conditions and pay rates set by the Fair Work Commission. Source: AAP / Bianca De Marchi
ลูกจ้างแคชวลที่ทำงานในช่วงเวลาเดียวกันอย่างถาวรจะมีทางเลือกในการเปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งงานถาวร และลูกจ้างในระบบกิ๊ก อีโคโนมี (gig economy workers) จะได้รับมาตรฐานขั้นต่ำ รวมทั้งเงื่อนไขในการทำงานและอัตราค่าจ้างตามที่คณะกรรมการ แฟร์ เวิร์ก กำหนด
ขณะนี้เจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานต้องแจ้งล่วงหน้า 24 ชั่วโมง หากต้องการเข้าไปในสถานที่ทำงานเพื่อสอบสวนกรณีสงสัยว่ามีการละเมิดพระราชบัญญัติการจ้างงานที่เป็นธรรม (Fair Work Act)
แต่ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ คณะกรรมการ แฟร์ เวิร์ก สามารถยกเว้นข้อกำหนดนี้ได้ในกรณีที่ต้องสงสัยว่ามีการจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด กฎหมายนี้จะขยายขอบเขตการยกเว้น ซึ่งปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่ข้อกังวลเรื่องการทำลายเอกสาร
อะไรอีกบ้างที่ผ่านการอนุมัติ ?
การเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งรวมถึงร่างกฎหมาย "งานที่ปลอดภัย ค่าตอบแทนที่ดีกว่า" ที่ผ่านการอนุมัติในปี 2022
หนึ่งการในเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้แก่ การเสริมสร้างสิทธิในการทำงานที่ยืดหยุ่น สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ ผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ผู้พิการ ผู้ที่ดูแลเด็กในวัยเรียนหรือที่อายุน้อยกว่านั้น และผู้ที่กำลังประสบกับความรุนแรงในครอบครัว หรือในกรณีท้ายที่สุดคือ ต้องดูแลสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา
นายจ้างอาจปฏิเสธคำร้องขอทำงานแบบยืดหยุ่นภายใต้เงื่อนไขบางประการเท่านั้น เช่น ได้พิสูจน์ว่าพวกเขาได้หารือเกี่ยวกับคำร้องขอดังกล่าวกับลูกจ้างแล้วและได้พยายามอย่างแท้จริงที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกัน
หากลูกจ้างไม่พอใจกับการตัดสินใจ ก็สามารถยื่นข้อโต้แย้งได้
ข้อกำหนดในสัญญาจ้างงานเรื่องการเก็บเรื่องค่าจ้างเป็นความลับ - นั่นคือการห้ามไม่ให้เพื่อนร่วมงานพูดคุยและเปรียบเทียบเงินเดือนระหว่างกัน - ก็ถูกห้ามเช่นกัน
ขณะนี้ลูกจ้างยังได้รับอนุญาตให้เปิดเผยรายละเอียดใด ๆ ของการจ้างงานของตน เช่น จำนวนชั่วโมงทำงาน ที่อาจช่วยให้ผู้อื่นสามารถคำนวณ "ผลลัพธ์ของค่าตอบแทน" ได้
ขณะนี้ ง่ายขึ้นที่จะเข้าถึงการเจรจาต่อรองกับนายจ้างหลายรายในคราวเดียว (multi-employer bargaining) ซึ่งอนุญาตให้ลูกจ้างในบางภาคส่วน เช่น การดูแลเด็ก สามารถรวมตัวกันและเจรจาข้อตกลงที่จะนำไปใช้กับนายจ้างจำนวนหนึ่งได้
และหากนายจ้างและลูกจ้างได้เจรจาต่อรองในเรื่องต่างๆ เช่น ค่าตอบแทนเป็นเวลานานกว่า 9 เดือน คณะกรรมการแฟร์ เวิร์ก ก็สามารถออกสิ่งที่เรียกว่า "การประกาศการเจรจาต่อรองที่ยากจะหาข้อยุติได้" (intractable bargaining declaration)
นี่เป็นการตระหนักว่า ทั้งสองฝ่ายได้มาถึงทางตันเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขการจ้างงาน หลังจากนั้นคณะกรรมการแฟร์ เวิร์ก ก็จะสามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้อย่างอิสระ
การโจรกรรมค่าจ้าง (wage theft) จะถือเป็นความผิดทางอาญาภายใต้ร่างกฎหมาย "การปิดช่องโหว่" ภายในวันที่ 1 มกราคม 2025 นั่นหมายความว่านายจ้างที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานจงใจจ่ายค่าจ้างหรือเงินบำนาญให้ลูกจ้างไม่ครบถ้วนตามกฎหมายกำหนด จะเผชิญโทษจำคุกและค่าปรับ
จะต้องมีการติดตามดูกันต่อไปถึงผลกระทบที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเหล่านี้ เช่นเดียวกับแนวทางที่นายจ้างตีความกฎหมายและการบังคับใช้
แม้จะยินดีกับการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว แต่ รศ.จูเซฟเป คาราเบตตา ชี้ว่าการแก้ไขเหล่านี้ไม่สามารถเป็นยาครอบจักรวาลสำหรับปัญหาทั้งหมดเกี่ยวกับสิทธิลูกจ้างในออสเตรเลียได้
“การเปลี่ยนแปลงบางอย่างจะนำไปสู่การนำกลยุทธ์ใหม่ ๆ มาใช้โดยนายจ้างที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผลหลายประการ” รศ.คาราเบตตา กล่าว
“ในทางกลับกัน สิ่งนี้จะทำให้เกิดปัญหาใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งสร้าง 'ช่องโหว่' ใหม่ ๆ ขึ้น”
รายงานข่าวเพิ่มเติมจาก Australian Associated Press
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์ sbs.com.au/thai
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ facebook.com/sbsthai
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข้อเสนอใหม่ที่มุ่งเสริมพลังให้ลูกจ้างผู้ย้ายถิ่นที่ถูกเอาเปรียบ