ประเด็นสำคัญในข่าว
- เริ่มปีงบประมาณใหม่ 1 ก.ค.นี้ หลายโครงการเยียวยาสำหรับประชาชนที่เผชิญวิกฤตค่าครองชีพสูงจะเริ่มทยอยมีผลบังคับใช้
- นโยบายต่าง ๆ ที่รัฐบาลสหพันธรัฐได้ให้คำมั่นไว้ ในการแถลงร่างงบประมาณแผ่นดินครั้งล่าสุด ได้แก่ การขึ้นค่าตอบแทนสำหรับคนทำงานดูแลผู้สูงอายุ และบริการดูแลเด็กเล็กที่ถูกลง
- นโยบายเยียวยาค่าไฟฟ้าสำหรับบางครัวเรือน และธุรกิจขนาดเล็กบางแห่งกำลังจะมีผลในเร็ว ๆ นี้
ขณะที่ปัญหาค่าครองชีพยังคงส่งผลกระทบต่องบประมาณในครัวเรือน รัฐบาลสหพันธรัฐได้ให้คำมั่นว่า นโยบายเยียวยาต่าง ๆ ที่ได้ให้คำมั่นในการแถลงร่างงบประมาณครั้งล่าสุดกำลังจะเริ่มมีผลตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2023-24 ในวันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
ทั้งการขึ้นค่าตอบแทนสำหรับคนทำงานดูแลผู้สูงอายุอีกร้อยละ 15 บริการดูแลเด็กเล็กที่จะมีราคาถูกลง และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในส่วนของเงินช่วยลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรสำหรับพ่อแม่
จิม ชาลเมอส์ รัฐมนตรีการคลังออสเตรเลีย กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในออสเตรเลียจำนวนมากที่กำลังประสบความยากลำบาก
“ชุดมาตรการซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันเสาร์นี้ จะสร้างความแตกต่างในชีวิตของชาวออสเตรเลียที่ทำงานอย่างหนักนับล้านคน ในขณะเดียวกันจะมอบปันผลในระบบเศรษฐกิจ และเป็นรากฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต” รัฐมนตรีชาลเมอส์ กล่าว
“นโยบายสำคัญ ๆ อย่างการเยียวยาราคาพลังงานนั้นจะลดเงินเฟ้อโดยตรง ขณะที่มาตรการอื่น ๆ เช่น บริการดูแลเด็กเล็กที่ราคาถูกลง และการจ่ายเงินที่ได้รับการปรับปรุงสำหรับเงินช่วยลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตร จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบเศรษฐกิจของเรา”
ขยายสิทธิ์โครงการประกันบ้านหลังแรก
โครงการประกันบ้านหลังแรก และโครงการประกันบ้านหลังแรกในพื้นที่ส่วนภูมิภาค จะเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ผู้มีสิทธิ์ให้ครอบคลุมบุคคล 2 คนใด ๆ ก็ได้ เช่น เพื่อน หรือพ่อแม่ลูก ให้สามารถกู้ยืมร่วมกันได้ โดยไม่กำหนดเฉพาะคู่ครองแบบไม่มีใบสมรสและคู่สมรส
นอกจากนี้ รัฐบาลจะขยายเกณฑ์ผู้มีสิทธิ์ให้ครอบคลุมถึงผู้ที่เคยมีบ้านมาก่อน แต่ไม่เคยเป็นเจ้าของบ้านในออสเตรเลียภายในเวลา 10 ปีจนถึงวันที่ยื่นสมัครโครงการ
เพิ่มเงินเดือนคนทำงานดูแลผู้สูงวัย
ผู้ทำงานในภาคส่วนการดูแลผู้สูงอายุมากกว่า 250,000 คน จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มอัตราจ่ายค่าตอบแทนอีกร้อยละ 15 ซึ่งหมายความว่า พยาบาลดูแลผู้สูงอายุที่รับค่าจ้างตามอัตรารายอุตสาหกรรม (award wage) จะได้ค่าตอบแทนเพิ่มอีก 10,000 ดอลลาร์ต่อปี ส่วนผู้ให้การดูแลส่วนบุคคล (personal care worker) จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มอีก 7,000 ดอลลาร์ต่อปี
เยียวยาราคาพลังงาน
ครัวเรือนราว 5 ล้านแห่งทั่วประเทศจะมีสิทธิ์รับเงินเยียวยาราคาพลังงานสูงสุด 500 ดอลลาร์ ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กอีก 1 ล้านแห่งจะสามารถเข้าถึงเงินเยียวยาดังกล่าวได้สูงสุดถึง 650 ดอลลาร์
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายจูงใจสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก (Small Business Energy Incentive) ด้วยการช่วยเหลือการลงทุนต่าง ๆ เพื่อการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนระบบการทำความร้อนให้เป็นพลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนไปใช้ตู้เย็นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการเปลี่ยนจากเตาแก๊สให้เป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าเหนี่ยวนำ (Induction cooktop)
บริการดูแลเด็กเล็กที่ราคาถูกลง และเงินช่วยลางานเลี้ยงดูบุตร
ราว 1.2 ล้านครอบครัวในออสเตรเลียจะจ่ายค่าบริการดูแลเด็กเล็กในราคาที่ถูกลง
นอกจากนี้ โครงการเงินช่วยลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตร (Parental Leave Pay) จะถูกรวมเข้ากับโครงการ Dad and Partner Pay เป็นโครงการเดียว ซึ่งจะทำให้คู่ครองสามารถขอรับเงินช่วยลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้สูงสุดถึง 100 วัน (20 สัปดาห์) จากเดิม 90 วัน (18 สัปดาห์) ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ให้ราว 180,000 ครอบครัวในแต่ละปี
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ค่าครองชีพในออสเตรเลียกำลังพุ่งสูงขึ้น ทำไมทุกอย่างถึงแพงจัง?
เจสัน แคลร์ (Jason Clare) รัฐมนตรีด้านการศึกษาออสเตรเลีย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะช่วยเหลือธุรกิจต่าง ๆ ในการรักษาพนักงานของตนไว้ โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ซึ่งต้องการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ขณะที่ อแมนดา ริชเวิร์ธ (Amanda Rishworth) รัฐมนตรีด้านบริการสังคมออสเตรเลีย กล่าวว่า โครงการเงินช่วยเหลือสำหรับผู้เป็นพ่อแม่ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น จะส่งเสริมการแบ่งหน้าที่การดูแลร่วมกัน (shared care) แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ พร้อมชี้ว่า จะมีการออกกฎหมายเพิ่มเติมในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเพิ่มจำนวนวันจ่ายเงินช่วยเหลือในโครงการเงินช่วยลางานเพื่อเลี้ยงดูบุตรอีก 6 สัปดาห์ภายในปี ค.ศ. 2026
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ จาก เอสบีเอส ไทย
มีทั้งเพิ่มค่าจ้าง ทั้งเปลี่ยนแปลงเงินเกษียณ นี่คือสิ่งที่จะกระทบคุณเริ่ม 1 ก.ค.