จะง่ายขึ้นที่ธุรกิจต่างๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนาจะสมัครขอรับเงินอุดหนุนค่าจ้างลูกจ้างจ๊อบคีพเปอร์ JobKeeper หลังสิ้นเดือนกันยายน ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่รัฐบาลสหพันธรัฐประกาศ
นายจอช ไฟรเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงต่างๆ พร้อมกับการที่ธุรกิจในรัฐวิกตอเรียมากขึ้นจะเข้าร่วมในโครงการนี้ จะทำให้มีต้นทุนการดำเนินโครงการเพิ่มขึ้นอีก 15,600 ล้านดอลลาร์ สำหรับการให้เงินอุดหนุนค่าจ้างลูกจ้าง
ก่อนหน้านี้ ธุรกิจและองค์กรไม่มุ่งหวังผลกำไร ที่หวังจะได้รับเงินอุดหนุนค่าจ้างจ๊อบคีพเปอร์ (JobKeeper) ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน จนถึงวันที่ 3 มกราคม จะต้องแสดงให้เห็นว่ามีรายได้ลดลงอย่างมากทั้งในไตรมาสเดือนมิถุนายนและไตรมาสเดือนกันยายน
แต่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่มีผลทั่วประกาศ ธุรกิจและองค์กรไม่มุ่งหวังผลกำไรจะเพียงแค่ต้องแสดงให้เห็นว่ามีรายได้ลดลงอย่างมากสำหรับไตรมาสเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ธุรกิจและองค์กรไม่มุ่งหวังผลกำไรจะต้อง จะต้องพิสูจน์ว่ามีคุณสมบัติตามเกณฑ์ขอรับความช่วยเหลืออีกครั้งในเดือนมกราคมปีหน้า แต่จะพิจารณาจากรายได้ในไตรมาสเดือนธันวาคม แทนที่จะดูจากสองไตรมาสก่อนหน้านี้เช่นกัน
นายไฟรเดนเบิร์ก กล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 ของเมลเบิร์นจะส่งผลกระทบอย่างหนักแก่เศรษฐกิจของรัฐวิกตอเรียและของประเทศ“เราจะทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำต่อไปเพื่อบรรเทาผลกระทบและช่วยเหลือชาวออสเตรเลียให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้” รัฐมนตรีคลังกล่าวในวันศุกร์วันนี้ (7 ส.ค.)
Source: AAP
ลูกจ้างที่ได้รับการว่าจ้างตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ขณะนี้จะสามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้
ขณะนี้ อัตราเงินอุดหนุนค่าจ้างจ๊อบคีพเปอร์อยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์ต่อสองสัปดาห์ แต่จะลดลงเหลือ 1,200 ดอลลาร์สำหรับลูกจ้างฟูลไทม์ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม
จากนั้นจะลดลงอีกครั้งเหลือ 1,000 ดอลลาร์จนถึงเดือนมีนาคม
นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน กล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดมากขึ้นรัฐวิกตอเรียส่งผลให้ประชาชนมากถึง 400,000 คนต้องตกงานหรือถูกลดชั่วโมงทำงานลงเหลือศูนย์ และยังทำให้อัตราการว่างงานของประเทศน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 10 ภายในสิ้นปีนี้
นายมอร์ริสัน กล่าวว่า กระทรวงการคลังยังได้ปรับตัวเลขในการประมาณการด้านงบประมาณและรายได้ของรัฐใหม่ โดยพิจารณาจากมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (หรือจีดีพี) ที่แท้จริงในไตรมาสเดือนกันยายนที่ลดลงถึง 12,000 ล้านดอลลาร์
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
เงิน JobKeeper และ JobSeeker จะลดลงตั้งแต่ปลาย ก.ย.
ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตมหานครของเมลเบิร์น (Metropolitan Melbourne) อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ระดับ 4 และจะต้องปฏิบัติตามการห้ามออกจากเคหสถานระหว่างเวลา 20.00 น.-5.00 น.
ในระหว่างช่วงเวลาที่ห้ามออกจากเคหสถาน ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อไปทำงาน หรือไปรับบริการด้านสุขภาพหรือไปรับการดูแลที่จำเป็น หรือเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยเท่านั้น
ระหว่างเวลา 5.00 น. เป็นต้นไปจนถึงเวลา 20.00 น. ประชาชนในเมลเบิร์นจะสามารถออกจากบ้านได้ เพื่อออกกำลังกาย เพื่อไปซื้อของจำเป็นและไปรับบริการที่จำเป็น ไปทำงาน ไปรับบริการด้านสุขภาพ หรือไปให้การดูแลญาติที่ป่วยหรือผู้สูงอายุเท่านั้น
รายละเอียดข้อจำกัดทั้งหมดสามารถดูได้ ชาวรัฐวิกตอเรียทุกคนจะต้องสวมหน้ากากหรือผ้าปกคลุมจมูกและปากเมื่อออกจากเคหสถาน ไม่ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ใด
ประชาชนในออสเตรเลียต้องอยู่ห่างกับผู้อื่นอย่างน้อย 1.5 เมตร คุณสามารถตรวจดูว่ามีข้อจำกัดใดบ้างที่บังคับใช้อยู่ในรัฐและมณฑลของคุณ
การตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาขณะนี้สามารถทำได้ทั่วออสเตรเลีย หากคุณมีอาการของไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ให้ติดต่อขอรับการตรวจเชื้อได้ด้วยการโทรศัพท์ไปยังแพทย์ประจำตัวของคุณ หรือโทรศัพท์ติดต่อสายด่วนให้ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนา (Coronavirus Health Information Hotline) ที่หมายเลข 1800 020 080
รัฐบาลสหพันธรัฐออสเตรเลียยังได้มีแอปพลิเคชัน COVIDSafe เพื่อติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่พบปะใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งคุณสามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้จากแอปสโตร์ (app store) สำหรับโทรศัพท์มือถือของคุณ อ่านเกี่ยวกับแอปพลิเคชันนี้
ติดตาม เอสบีเอส ไทย ทางเฟซบุ๊กได้ที่
เรื่องราวที่น่าสนใจจากเอสบีเอส ไทย
ผู้คนวิตกวิกฤตไวรัสทำให้ต้องทำงานต่อไปหลังอายุเกษียณ