มีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลนายมอร์ริสัน จะเดินหน้าออกวีซ่าครอบครัวและแรงงานทักษะใหม่ ที่จะบังคับให้ผู้อพยพย้ายถิ่นอาศัยอยู่นอกเมืองใหญ่ของออสเตรเลียอย่างนครซิดนีย์ หรือเมลเบิร์น
ที่ผ่านมา รัฐบาลนายเทิร์นบูลล์ ซึ่งได้เดินหน้าดำเนินร่างนโยบายดังกล่าวก่อนหน้านี้ ได้ตั้งเป้าว่าวีซ่าใหม่นี้จะ “ผสาน” ผู้อพยพย้ายถิ่นกับพื้นที่นอกตัวเมือง มีข้อมูลจากมหาดไทยออสเตรเลียว่า มีผู้อพยพย้ายถิ่น 1 ใน 10 ที่เดินทางมายังออสเตรเลียด้วยวีซ่าทำงานนอกตัวเมืองทีในปัจจุบันย้ายไปอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ภายในเวลา 18 เดือน
นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลียยังคงต้องให้ความเห็นเรื่องวีซ่าใหม่นี้ แต่คณะรัฐมนตรีที่มีการสับเปลี่ยนเมื่อเร็วๆ นี้โดยนายมอร์ริสันนั้นได้ให้คำแนะนำว่า นโยบายของวีซ่าใหม่นี้อาจสามารถที่จะปรับแก้ หรือควบรวมกับนโยบายจัดการประชากรได้
นายอลัน ทัดจ์ เป็นรัฐมนตรีที่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับวีซ่านี้ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมือง สัญชาติ และพหุวัฒนธรรมในอดีต และเพื่งจะได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีผังเมืองและประชากร จากการสับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีโดยนายมอร์ริสัน
หนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียน ได้รายงานเรื่องโยบายวีซ่าใหม่ที่จะบังคับให้ผู้อพยพย้ายถิ่นอาศัยอยู่นอกตัวเมืองออสเตรเลียเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งได้มีการยื่นเข้าสู่คณะรัฐมนตรีชุดก่อนหน้า ก่อนจะมีการชิงตำแหน่งผู้นำพรรคลิเบอร์รัล โดยล่าสุดของเสนอนี้ยังคงต้องได้รับการพิจารณาโดยคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่ได้รับการสับเปลี่ยนเมื่อเร็วๆ นี้
ด้านสำนักงานของนายอลัน ทัดจ์ จะยังไม่มีการออกความเห็นในเรื่องนี้
นายเดวิด โคลแมน ได้รับการมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีครวจคนเข้าเมือง สัญชาติ และพหุวัฒนธรรม สำนักงานของนายโคลแมนระบุกับเอสบีเอส นิวส์ว่า นายโคลแมนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งนี้การสับเปลี่ยนให้นายโคลแมนให้มาดำรงตำแหน่งนี้ ทำให้ความรับผิดชอบในเรื่องผู้อพยพย้ายถิ่นพ้นจากนายปีเตอร์ ดัตทัน ซึ่งดำรงตำแหน่งเดียวกันก่อนหน้านี้ ยกเว้นความรับผิดชอบกองกำลังพิทักษ์เขตแดน แต่ก็อาจจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านในส่วนนี้ในอนาคต
นายเดวิด โคลแมน รัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมือง สัญชาติ และพหุวัฒนธรรม (AAP) Source: SBS
ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีวีซ่าจำนวนหนึ่งที่ทำให้ผู้อพยพต้องอาศัยอยู่นอกตัวเมือง เช่น วีซ่าทักษะนอกตัวเมืองออสเตรเลีย หรือ Skilled Regional (887) และโครงการอพยพย้ายถิ่นนอกตัวเมืองแบบสปอนเซอร์ หรือ Regional Sponsored Migrtation Scheme (187) แต่ทว่า วีซ่าเหล่านี้นำผู้อพยพย้ายถิ่นไปอาศัยอยู่นอกตัวเมืองได้น้อย เนื่องจากปริมาณประชากรที่ร่วงหล่นฉับพลัน และการคาดแคลนแรงงานทักษะในพื้นทีนอกตัวเมืองออสเตรเลียบางส่วน โดยร้อยละ 90 ของผู้อพยพย้ายถิ่นถาวรเลือกที่จะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ทางชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย
นอกจากนี้ เมื่อผู้อพยพย้ายถิ่นนอกตัวเมืองได้สถานะประชากรถาวรแล้ว มีนายจ้างจำนวนน้อยที่สามารถหยุดการย้ายเข้าไปในเมืองใหญ่ของผู้อพยพเหล่านั้นได้
ในเรื่องของวีซ่า การกำหนดขอบเขตของ “เมืองเล็กๆ” นั้น รวมถึงเมืองขนาดเล็กอย่างแอดิเลด ดาร์วิน แคนเบอร์รา และโฮบาร์ต โดยรัฐบาลได้ทำการเปลี่ยนให้เพิร์ทได้รับสถานะเป็นมหานครเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017
ยังคงมีคำถามว่า รัฐบาลจะบังคับให้ผู้อพยพย้ายถิ่นอาศัยอยู่นอกตัวเมืองใหญ่ได้อย่างไร โดยที่ไม่สร้างข้อขัดแย้งในกรณีจำกัดเสรีภาพในการย้ายถิ่นฐาน
นายริชาร์ด มาลส์ สมาชิกสภาจากพรรคแรงงาน ได้ตั้งคำถามว่า วีซ่าดังกล่าวจะมีผลได้อย่างไรในทางปฏิบัติ
“ผมไม่แน่ใจว่า ข้อบังคับใหม่ที่จะให้ผู้อพยพย้ายถิ่นไปอยู่อาศัยนอกตัวเมืองนั้นจะได้ผล ผมไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรที่จะบังคับผู้อพยพย้ายถิ่นเหล่านั้นได้ ดังนั้นผมจึงมีความกังวลเล็กน้อยกับแผนที่จะมีการบังคับใช้นโยบายนี้” นายมาลส์ระบุกับสกายนิวส์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สิทธิอะไรบ้างที่ลูกจ้างควรได้รับ