ในเร็ว ๆ นี้ หน้ากากอนามัยอาจไม่จำเป็นอีกต่อไปในเที่ยวบินระหว่างประเทศบางเที่ยวของสายการบินควอนตัส (Qantas) และเจ็ตสตาร์ (Jetstar) ขณะที่สายการบินดังกล่าวเตรียมปรับปรุงนโยบายเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบของจุดหมายปลายทางในต่างประเทศ
ควอนตัส กรุ๊ป (The Qantas Group) ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินเจ็ตสตาร์ด้วยเช่นกัน ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (14 มิ.ย.) ว่าเตรียมที่จะปรับปรุงนโยบายการสวมหน้ากากอนามัยบนเที่ยวบิน “เร็ว ๆ นี้”
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว หมายความว่าผู้โดยสารจะไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยบนเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางซึ่งไม่มีการบังคับให้สวมใส่ เช่น ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และทวีปยุโรป
“เราจะยังคงจัดให้มีหน้ากากอนามัยในเที่ยวบินของเราทั้งหมด และเราตระหนักว่าลูกค้าบางส่วนอาจยังต้องการสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาในเที่ยวบิน ไม่ว่ากฎในต่างประเทศจะมีผลบังคับใช้เช่นใด” ควอนตัส กรุ๊ป ระบุในแถลงการณ์
การแถลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังมีคำแนะนำจากคณะกรรมการหลักการคุ้มครองสุขภาพออสเตรเลีย (Australian Health Protection Principal Committee) ในการยกเลิกข้อบังคับสวมใส่หน้ากากอนามัยในท่าอากาศยาน โดยผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในอาคารผู้โดยสารอีกต่อไป ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ผ่านมา (17 มิ.ย.)
จากแถลงการณ์ รัฐบาลสหพันธรัฐระบุว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการ ฯ ไม่ได้พิจารณาว่าข้อบังคับสำหรับอาคารผู้โดยสาร “มีความสมส่วน” สืบเนื่องจากทุกรัฐและมณฑลไดัผ่อนคลายมาตรการสวมใส่หน้ากากอนามัยแล้ว
“รัฐบาลมีข้อสังเกตว่า คณะกรรมการหลักการคุ้มครองสุขภาพออสเตรเลีย (AHPPC) ได้แนะนำอย่างยิ่งให้ชาวออสเตรเลียยังคงสวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อเป็นมาตรการหลักในการช่วยลดการแพร่กระจายของโควิด-19 และไวรัสไข้หวัดใหญ่” แถลงการณ์ระบุ
“หน้ากากอนามัยจะช่วยเราปกป้องผู้ที่ตกอยู่ในความเสี่ยงมากที่สุดในชุมชนของเราที่ไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนได้ และผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง”
ออสฯ อนุมัติ ‘โนวาแวกซ์’ เป็นเข็มบูสเตอร์
วัคซีนโควิด-19 ของโนวาแวกซ์ (Novavax) ได้รับการอนุมัติให้เป็นวัคซีนโควิด-19 เข็มบูสเตอร์สำหรับผู้ที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปแล้ว
จากแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (20 มิ.ย.) โนวาแวกซ์ได้ประกาศว่า หน่วยงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพออสเตรเลีย (TGA) ได้อนุมัติทะเบียนเป็นการชั่วคราวเพื่อใช้เป็นวัคซีนเข็มที่สาม ซึ่งดังกล่าวมีให้เป็นวัคซีนเข็มบูสเตอร์แล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา
“ขณะที่โควิด-19 ยังคงมีอยู่และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เรามีความยินดีที่สามารถมอบวัคซีนที่มีโปรตีนเป็นส่วนประกอบชนิดแรก ซึ่งได้รับการลงทะเบียนเพื่อใช้เป็นวัคซีนชุดแรก และล่าสุดเป็นวัคซีนบูสเตอร์ โดยไม่ต้องคำนึงถึงประวัติการฉีดวัคซีนก่อนหน้า” นายสแตนลีย์ เอิร์ค (Stanley Erck) ประธานบริหารโนวาแวกซ์ กล่าว
การอนุมัติวัคซีนดังกล่าวมีพื้นฐานจากข้อมูลที่รวมถึงการทดลองในระยะที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นในออสเตรเลีย และอีกการทดลองหนึ่งในแอฟริกาใต้ ซึ่งผลลัพธ์ได้แสดงให้เห็นว่า วัคซีนโนวาแวกซ์โดสที่ 3 ได้สร้าง “การตอบสนองของภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น เทียบได้หรือเกินระดับที่เกี่ยวกับการป้องกัน”นอกจากนี้ วัคซีนดังกล่าว “ยังกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของแอนติบอดีอย่างแข็งแรง” เมื่อใช้เป็นวัคซีนเข็มบูสเตอร์ โดยทีจีเอได้อนุมัติทะเบียนชั่วคราวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาสำหรับการใช้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
วัคซีนโนวาแวกซ์ได้รับการอนุมัติให้เป็นวัคซีนบูสเตอร์สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป Source: AAP
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มที่ปรึกษาทางเทคนิคด้านการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแห่งออสเตรเลีย (ATAGI) แนะนำวัคซีนโนวาแวกซ์สำหรับใช้เป็นวัคซีนเข็มบูสเตอร์สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในกรณีไม่เหมาะสมที่จะรับการฉีดวัคซีนชนิด mRNA อย่างไฟเซอร์ หรือโมเดิร์นา
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม บริษัทดังกล่าวได้ยื่นขอจดทะเบียนวัคซีนเพื่อใช้ในกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 12-17 ปี ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันโรคติดเชื้อซิดนีย์ (Sydney Institute for Infectious Diseases หรือ SIID) จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ได้เรียกร้องให้มียุทธ์ศาสต์คุ้มครองสุขภาพระดับชาติ
ศาสตราจารย์เบน มาเรส์ (Ben Marais) ผู้อำนวยการร่วมของสถาบัน ฯ กล่าวว่า หนึ่งในคำสัญญาในช่วงเลือกตั้งของพรรคแรงงานคือการจัดตั้งศูนย์ควบคุมโรคติดต่อออสเตรเลีย (Australian Centre for Disease Control)
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แสดงให้เห็นว่าออสเตรเลียขาดกลไกระดับชาติในการรวบรวมข้อมูลการเฝ้าระวังโรคติดต่ออย่างมีประสิทธิภาพ การประสานการตอบสนอง และดำเนินการวิจัยประยุกต์เพื่อรายงานนโยบายและชี้นำการตัดสินใจ
“ยุทธศาสตร์คุ้มครองสุขภาพระดับชาติสำหรับชาวออสเตรเลียทุกคน มีความเร่งด่วนเพิ่มมากขึ้น” ศาสตราจารย์มาเรส์ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (14 มิ.ย.)
ศาสตราจารย์มาเรส์ กล่าวอีกว่า จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาและปรึกษาหารืออย่างระมัดระวังในการจัดตั้งองค์กรดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องมีบทบาทนำในการป้องกัน เตรียมพร้อม และตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ
เขากล่าวอีกว่า องค์กรระดับชาติดังกล่าวนั้น จำเป็นที่จะต้องรวบรวมผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งนักวิจัย นักระบาดวิทยา นักจุลชีววิทยาสาธารณสุข ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ และผู้จัดทำนโยบาย
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจจาก เอสบีเอส ไทย
อัตราค่าแรงขั้นต่ำของออสเตรเลียเพิ่ม 5.2%