คาดว่าผู้หญิงราว 1 ใน 7 คนจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต
สำหรับผู้ชาย สถิติคือ 1 ในเกือบ 700 คน (1 ใน 688 คน)
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการตรวจพบมะเร็งเต้านมเสียตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่ง
โครงการตรวจคัดกรองส่วนใหญ่นั้นเป็นการให้บริการร่วมกันระหว่างบริการที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล เช่น คลินิกของ BreastScreen ในแต่ละรัฐและมณฑล ที่ให้บริการตรวจประจำปีแก่ผู้หญิงที่มีสิทธิ์ และคลินิกเอ็กซเรย์เอกชนที่ทำการตรวจแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์สำหรับผู้ที่มีอาการ
พญ.อนิตา มูนอซ จากราชวิทยาลัยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปแห่งออสเตรเลีย (Royal Australian College of General Practitioners) กล่าวว่า แพทย์จีพีได้สังเกตเห็นว่าจำนวนสตรีที่มาเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมประจำปีนั้น มีจำนวนลดลงในช่วงที่ผ่านมา และเลื่อนการนัดพบแพทย์เมื่อมีอาการ
"เราได้รับการบอกเล่าจากคนไข้ว่า ตอนนี้ BreastScreen ตรวจมะเร็งเต้านมที่ค้างตรวจอยู่ได้ครบแล้ว และไม่ต้องรอนานเพื่อจะได้ตรวจแมมโมแกรมที่เป็นการตรวจประจำปี เรารู้ว่าสำหรับผู้ให้บริการตรวจแมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์เพื่อดูอาการหรือดูก้อนเนื้อนั้น บางครั้งอาจมีความล่าช้าในการตรวจ เพราะเรายังคงมีปัญหา เช่น การลางานของบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อโควิด ดังนั้นระบบบริการด้านสุขภาพจึงได้รับผลกระทบต่อไป" พญ.มูนอซ กล่าว
สถิติที่พบก็สอดคล้องกับคำบอกเล่าของผู้เกี่ยวข้อง โดยมีสถิติบ่งชี้ว่ามีผู้รับการตรวจแมมโมแกรมน้อยลงเกือบ 140,000 คน (137,000 คน) ในปี 2020 เมื่อเทียบกับปี 2019
มีการกล่าวโทษว่าโควิดเป็นต้นเหตุ โดยส่งผลกระทบต่อจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการตรวจคัดกรอง และโควิดยังส่งผลทำให้ผู้หญิงจำนวนหนึ่งไม่ต้องการเสี่ยงภัยเข้าไปยังสถานให้บริการทางการแพทย์
แต่สำหรับผู้หญิงบางกลุ่ม การเข้าถึงบริการต่างๆ นั้นมักมีความท้าทายกว่าคนกลุ่มอื่นอยู่เสมอ
คุณ เคทลิน วาซิกา จากสภามะเร็ง (Cancer Council) กล่าวว่า ความท้าทายเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชุมชนชายขอบ โดยเฉพาะผู้หญิงเชื้อสายชาวพื้นเมือง ผู้หญิงที่อยู่ในชนบทและพื้นที่ห่างไกล และผู้หญิงที่มีความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรม
เธอกล่าวว่าสภาได้จัดตั้งโครงการเพื่อแก้ไขจุดด้อยต่างๆ
"ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งคือโครงการที่เราร่วมมือกับสถาบันมะเร็งแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยโครงการนั้นเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกอย่างเหมาะสมทางวัฒนธรรมให้อย่างแท้จริง และยังรวมทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจด้วยภาษาต่างๆ เกี่ยวกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมด้วย" คุณ วาซิกา จากสภามะเร็ง กล่าว
พญ. มูนอซ กล่าวว่า แม้จะมีความท้าทายต่างๆ ในปัจจุบัน แต่แพทย์จีพียังคงมุ่งมั่นที่จะดูแลผู้ป่วย
"หนึ่งในจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการปรึกษาเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมคือกับแพทย์ประจำตัวของคุณ เพราะการซักประวัติสุขภาพของผู้หญิงและสุขภาพครอบครัวของเธอทำให้เราสามารถประเมินความเสี่ยงได้และให้คำแนะนำด้านการตรวจคัดตรงที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ... เราทราบดีว่าความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอายุ เมื่อเราพูดถึงผู้หญิงที่มีความเสี่ยงโดยเฉลี่ย" พญ. มูนอซ กล่าว
การตรวจแมมโมแกรมจะตรวจพบก้อนเนื้อและสิ่งต่างๆ ที่มีขนาดเล็กมาก ซึ่งจะช่วยให้รักษามะเร็งเต้านมได้แต่เนิ่นๆ Credit: National Cancer Institute via Unsplash
"BreastScreen NSW เชิญชวนผู้หญิงอายุ 50 ถึง 74 ปีมารับการตรวจ แต่จริงๆ แล้วคุณมีสิทธิ์รับการตรวจคัดกรองก่อนอายุ 50 ปี ดังนั้นคุณจึงสามารถตรวจแมมโมแกรมและจองคิวตรวจแมมโมแกรมได้ตั้งแต่อายุ 40 ปี" คุณ วาซิกา กล่าว
เธอย้ำว่า การตรวจพบโรคแต่เนิ่นๆ ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
"การตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่การตรวจคัดกรองมะเร็งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการตรวจจะตรวจพบก้อนเนื้อและสิ่งต่างๆ เหล่านั้นที่มีขนาดเล็กมาก และเรารู้ว่าการรักษาจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามากเมื่อตรวจพบแต่เนิ่นๆ" คุณ วาซิกา จากสภามะเร็ง กล่าวทิ้งท้าย
คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมและตรวจสอบว่าคุณมีสิทธิ์ตรวจมะเร็งเต้านมฟรีหรือไม่ รวมทั้งนัดตรวจมะเร็งเต้านม ได้ที่เว็บไซต์ของ BreastScreen ที่ หรือโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 13 20 50 หากต้องการใช้บริการล่ามฟรีเพื่อช่วยติดต่อให้โทรศัพท์ไปที่ 13 14 50
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สาธารณสุขเตือนอย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปี