กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
พรรคแรงงานให้คำมั่นว่าจะออกนโยบาย ช่วยเหลือครอบครัวที่มีรายได้ครัวเรือนไม่เกิน ห้าแสนสามหมื่นดอลลาร์ต่อปีสามารถรับเงินอุดหนุนการดูแลเด็ก 3 วันต่อสัปดาห์ หากพรรคได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วประเทศที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า
นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีซี ให้คำมั่นจะเพิ่มงบประมาณมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองสามารถเข้าถึง บริการดูแลเด็กแก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล
พรรคแรงงาน ได้ให้คำมั่นว่าจะออกมาตการช่วยเหลือวิกฤตค่าครองชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับครอบครัวที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีส แถลงประเด็นนี้ ที่นครบริสเบนว่า
"หากรัฐบาลแรงงานได้รับเลือกตั้งเป็นรัฐบาลอีกครั้ง จะออกนโยบายที่ทุกครอบครัวที่มีรายได้ไม่เกิน 530,000 ดอลลาร์จะสามารถเข้าถึงเงินอุดหนุนค่าดูแลเด็กได้สามวันต่อสัปดาห์ ซึ่งจะทำให้ทุกครอบครัวสามารถส่งบุตรหลาน เข้าเรียนในภาคการศึกษาปฐมวัยที่มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นการสร้างรากฐานการศึกษาและพัฒนาการที่ดีสำหรับอนาคต"
การเพิ่มงบประมาณอุดหนุนการดูแลเด็ก จะทำให้รัฐบาลใช้เงินคงคลังไปประมาณ 27 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวจะนำมาใช้เแทน ข้อกำหนดที่เรียกว่า activity test requirement ที่กำหนดโดยพรรคร่วม เพื่อช่วยให้ครอบครัวจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึงเงินอุดหนุนนี้ได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ให้คำมั่นที่จะจัดสรรงบประมาณ สนับสนุนหนึ่งพันล้านดอลลาร์ให้กับภาคการศึกษาปฐมวัย หากพรรคแรงงานได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง งบประมาณดังกล่าวจะทำให้เกิดการพัฒนาและขยายศูนย์ดูแลเด็กในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีอัลบานีซีกล่าวว่านี่คือความมุ่งมั่นที่พรรคของเขาจะช่วยครอบครัวของชาวออสเตรเลีย
"นี่คือการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของรัฐบาลออสเตรเลียในภาคการบริการดูแลเด็กเท่าที่เคยมีมา ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการสร้างหรือขยายศูนย์การศึกษาและการดูแลเด็กปฐมวัยกว่า 160 แห่งซึ่งเป็นเรื่องที่ชุมชนต้องการมากที่สุด เราพร้อมที่จะลงทุนในการทำให้รัฐเป็นเจ้าของศูนย์ดูแลเด็กเหล่านี้เพื่อเป็นประตูที่เปิดโอกาสให้กับเด็กๆ ในชุมชน"
อ่านเพิ่มเติม
ค่าดูแลเด็กในออสเตรเลียจัดว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
พรรคแรงงานกล่าวว่า 66,000 ครอบครัวที่มีรายได้น้อยจะสามารถเข้าถึงบริการดูแลเด็กได้ โดยจะยกเลิก คุณสมบัติที่ผู้ปกครองต้องผ่านแบบทดสอบกิจกรรมของครอบครัวหรือ
โดยรัฐบาลจะพิจารณาว่าครอบครัวใด ครอบครัวหนึ่งจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในเรื่องความช่วยเหลือการดูแลเด็กหรือไม่ จากประเภทงานของผู้ปกครองหรือผู้ปกครองที่อยู่ในระหว่างศึกษาต่อ ซึ่งผู้ปปกครองหลายคน ก็มีเสียงสะท้อนต่อระบบที่ใช้ในปัจจุบัน
เช่น คุณ แชนนอน บัตเลอร์ ปัจจุบันทำงานพาร์ทไทม์ คุณบัตเลอร์ บอกว่าการที่ต้องผ่าน activity test ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
"ฉันเป็นลูกจ้างชั่วคราวและทำงานพาร์ทไทม์ ปกติฉันจะทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงเพื่อสามารถรับเงินช่วยเหลือด้านการดูแลเด็กจากรัฐบาล ลูกๆ ของฉันได้รับเงินอุดหนุนการดูแลเด็กเป็นเวลาสามวันต่อสัปดาห์ และสิ่งที่ท้าทายคือถ้าลูกๆ ป่วยและ ฉันต้องหยุดงาน ซึ่งมันทำให้ชั่วโมงการทำงานไม่ถึงที่รัฐบาลกำหนด ดังนั้นมันเป็นเรื่องดีถ้าเราไม่ต้องกังวลกับเรื่องดังกล่าว"
อย่างไรก็ตาม พรรคอื่นๆ ออกมา วิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าว โดยระบุว่านโยบายของพรรคแรงงานไม่ได้ช่วยเหลือพ่อแม่ที่ประสบปัญหาจริงๆ
เช่น ผู้นำกรีนส์ อดัม แบนต์กล่าวว่านี่ไม่ใช่นโยบาย ที่ครอบครัวต่างๆ หวังไว้
"ผู้ปกครองหลายๆ คน ค่อนข้างผิดหวังกับการแถลงในวันนี้ ผู้คนคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานบางอย่างในระบบการดูแลเด็กและระบบการศึกษาปฐมวัยของเรา เพื่อให้ผู้ปกครองมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายและรับความช่วยเหลือเมื่อพวกเขาต้องการ"
"แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พรรคแรงงานวางแผนไว้ จากการประกาศของพรรคแรงงานในวันนี้ มันไม่ได้มีความหมายอะไรมากนักสำหรับผู้ปกครองที่ทำงานเต็มเวลา จริงๆ แล้วจะเห็นว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเพิ่มเติม ผมคิดว่าผู้คนหวังไว้มากกว่านั้น"
อ่านเพิ่มเติม
ค่าชดเชยการดูแลบุตรระบบใหม่นั้นเป็นอย่างไร?
ด้าน โฆษกกระทรวงการคลังของฝ่ายค้าน แองกัส เทย์เลอร์ มีความคิดเห็นที่คล้ายกัน โดยอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้ช่วยทำให้ครอบครัวต่างๆ เข้าถึงการศึกษาปฐมวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"ในประกาศนี้ไม่มีเนื้อหาอะไร ที่ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการดูแลเด็กมากขึ้นและสามารถจ่ายถูกลง ความเสี่ยงของนโยบายนี้คือจะทำให้สถานการณ์แย่ลง เรามีข้อจำกัดด้านอุปทานในภาคส่วนนี้ ซึ่งยังไม่ได้รับการแก้ไข หลายๆครอบครัวต่างรู้ดี ว่าการเข้าถึงการบริการดูแลเด็กนั้นยากแค่ไหน และพรรคแรงงานคิดว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้คือ การเพิ่มความต้องการ เข้าสู่ระบบให้มากขึ้น"
การประกาศดังกล่าว เป็นการวางแผนนโยบายตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายที่นายกรัฐมนตรีประกาศเอาไว้ในเรื่องการเข้าถึงการบรืการการดูแลเด็กอย่างเท่าเทียม
นโยบายนี้เป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีจากพรรคแรงงาน หวังว่าจะดำเนินการสืบต่อไป เช่นเดียวกับนโยบายด้านแรงงานอื่นๆ เช่น Medicare, เงินบำนาญ และโครงการประกันความพิการแห่งชาติ
แต่ในขณะที่รัฐบาล พยายามแก้ไขเรื่องการบรรเทาค่าครองชีพ แต่ก็มีการใช้งบประมาณเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของ Impact Economics and Policy ดร.แองเจลา แจ็คสัน อธิบายในประเด็นนี้ว่า
"การศึกษาคือผลผลิตของชาติ เราจะไม่วสมารถยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของเราได้ หากเราไม่ลงทุนในการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ของเรา และเรารู้ว่าห้าปีแรกของชีวิตมีความสำคัญอย่างยิ่งและนี่คือสิ่งที่เราสมควรลงทุน"
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่