กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
ในช่วงอากาศหนาวเย็นในนครเมลเบิร์น การเข้าร้านอาหารอิตาเลียนที่เรียงรายอยู่บนถนน Lygon ในเขตเมือง Carlton ถือเป็นการคลายหนาวในระหว่างรับประทานมื้อพิเศษ
แต่ในขณะที่ คุณ แอลเจโล เมอคูรี เจ้าของร้าน Universal Restaurant เปิดเผยกับเอสบีเอสนิวส์ในขณะที่ กำลังเสิร์ฟอาหารในระหว่างช่วงเวลาเร่งด่วนระหว่างมื้อกลางวัน เขากล่าวว่าราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้เจ้าของร้านอาหารมีความเครียดเพิ่มขึ้นด้วย คุณ เมอคูรี เปิดเผยว่า
[["โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นปีนี้ เราสังเกตเห็นว่าค่าไฟแพงขึ้นมาก นั่นทำให้เราตระหนักว่าเราต้องรัดเข็มขัด เราซื้อของน้อยลง เลือกสินค้าที่ดีที่สุด แต่ถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ร้านอาหารของเรายุ่งเสมอ แล้วก็มีขนาดใหญ่ ดังนั้นเราจึงใช้ไฟค่อนข้างมาก เราเปิดร้านทุกวัน ตั้งแต่ เวลา 11.00 น. ถึง 23.00 น. เรามีช่วงเปิดร้านค่อนข้างนาน"]]
คุณ เมอคูรี กล่าวว่าฐานลูกค้าที่เป็น นักศึกษาของเขาทำให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ แต่เขาสังเกตว่ามีกลุ่มลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่เงียบหายไป คุณ เมอคิวรี ชี้ว่า
"เมื่อค่าครองชีพสูงขึ้น กลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัวจะน้อยลง พวกเขาได้รับผลกระทบหนักและต้องประหยัดมากขึ้น การที่จะออกไปทานอาหารเย็นเป็นเรื่องยากตามไปด้วย"
ข้อมูลล่าสุดที่อัปเดตโดยหน่วยงานกำกับดูแลพลังงานของออสเตรเลีย ระบุว่าต้นทุนการผลิตพลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกร้อยละ 23 Source: SBS
สำหรับหลายๆ ครอบครัว ข้อมูลล่าสุด พิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงที่โหดร้ายว่าราคาพลังงานเพิ่มขึ้นในเกือบทุกส่วนของตลาดทั่วประเทศ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
รัฐเซาท์ออสเตรเลียค่าพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 78 นิวเซาธ์เวลส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 86 ขณะที่แทสเมเนียและวิกตอเรียเพิ่มขึ้นร้อยละ 97 และ 99 ตามลำดับ
มีเพียงรัฐควีนส์แลนด์เท่านั้นที่ลดลงร้อยละ 21 เนื่องมาจากสภาพอากาศที่อุ่นขึ้นและ การใช้เครื่องปั่นไฟน้อยลง
คุณ จารอด บอล เจ้าหน้าที่ควบคุมด้านพลังงานของออสเตรเลีย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
[["จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของตลาดและสภาวะตึงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอุปทาน โรงงานถ่านหินที่เก่าแก่หยุดทำงานกะทันหัน การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมลดลง ซึ่งทำให้มีการผลิตไฟฟ้าที่มีราคาสูงกว่า เช่น พลังงาน จากถ่านหิน จากก๊าซ หรือ พลังน้ำ เข้ามาเติมเต็มพลังงานในส่วนที่ขาดหายไป"]]
อ่านเพิ่มเติม
คนไทยต้องดิ้นรนแค่ไหนในวิกฤตเศรษฐกิจออสเตรเลีย
ผู้ดำเนินการตลาดด้านพลังงานของออสเตรเลียยังได้เผยแพร่รายงาน ซึ่งแสดงความต้องการพลังงานที่สูงเป็นประวัติการณ์สำหรับไตรมาสเดือนมิถุนายน
ด้าน รัฐบาลกล่าวว่าราคาพลังงานยังคงต่ำกว่าตอนที่พรรคร่วมหมดวาระ โดยเสริมในแถลงการณ์ว่ายิ่งเรามีพลังงานหมุนเวียนที่สามารถเข้าสู่ระบบมากขึ้นได้เท่าไหร่ "มันก็จะยิ่งทำให้พลังงานถูกลงและเราจะมีความน่าเชื่อถือด้านพลังงานเพิ่มมากขึ้น"
แต่ผู้นำฝ่ายค้าน ปีเตอร์ ดัททัน ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายพลังงานของรัฐบาล และในทางกลับกันก็มีความพยายามที่จะผลักดันวิสัยทัศน์ด้านนิวเคลียร์มาใช้แทน
"จากการวิเคราะห์ของเรา จะเห็นว่าเราสามารถมีพลังงานนิวเคลียร์เข้าสู่ระบบได้ในช่วงปี 2035 ถึง 2037 ในสองไซต์แรก ข้อโต้แย้งของเราคือถ้าคุณมีพลังงานไฟฟ้าพื้นฐาน 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถ่านหินและเมื่อเราไม่ใช้มันในทศววรรษหน้าแล้ว เราจะใช้พลังงานอะไรทดแทน"
อ่านเพิ่มเติม
ที่อยู่อาศัยที่ 'หนาวเย็น' ส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร
แต่ คุณ ไคลี วอล์กเกอร์ จากสถาบันเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่าเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กที่เสนอโดยพรรคร่วมไม่น่าจะถูกสร้างขึ้นได้ภายใน 20 ปี คุณ วอกเกอร์ ให้ความเห็นว่า
"หากออสเตรเลียจะบรรลุเป้าหมาย การปล่อยก็าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ zero emissions ในปี 2050 วิธีเดียวที่จะทำได้คือการเปิดตัวเทคโนโลยีหมุนเวียนที่มีอยู่ผลักดันพลังงานเหล่านั้นให้เต็มที่ และดำเนินการดังกล่าวโดยเร็วที่สุด เรามีกรอบการทำงานอยู่แล้ว มีกำหนดเวลาในการเปิดตัวและสร้างขีดความสามารถดังกล่าวแล้ว เราได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นไปได้สำหรับออสเตรเลีย เรามีการได้รับพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสูงที่สุดในโลก "
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่