ในอดีต ตู้โทรศัพท์เคยปรากฏอยู่เกือบทุกหัวมุมถนนทั้งในเขตเมืองและชานเมืองทั่วประเทศ
ฟิล คอนสเตเบิลเจ้าของร้านฮาร์ดแวร์ในเมืองนารูมา รัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า
"ผมจำได้เลย เพราะมันอยู่ในเมืองบ้านเกิดของผมเอง สมัยก่อนมันเป็นตู้สีแดงตรงจุดนี้ จำได้แม่นกับการหยอดเหรียญเพื่อโทร มันอยู่มานานมากแล้วครับ"

ตู้โทรศัพท์ยังคงเป็นทนทานในการติดต่อสื่อสาร
ในช่วงไฟป่าแบล็ก ซัมเมอร์ ปี 2019-2020 ตู้โทรศัพท์กลายเป็นจุดเชื่อมต่อสู่โลกภายนอก เมื่อระบบสัญญาณโทรศัพท์มือถือล่มทั้งเมือง
มันเป็นหนทางเดียวในการติดต่อกับภายนอก ตอนนั้นไฟฟ้าดับทั้งเมืองนานกว่าสามวัน ไม่มีสัญญาณมือถือใช้ ตู้โทรศัพท์กลายเป็นทางสื่อสารเพียงหนึ่งเดียว พอเทลสตราประกาศให้โทรฟรีจากตู้ได้ ผู้คนต่อแถวยาวเหยียดตลอดบล็อก ยิ่งช่วงนั้นเป็นฤดูท่องเที่ยว คนจึงแน่นเมืองคอนสเตเบิลกล่าว
คอนสเตเบิลเล่าว่าวิกฤตครั้งนั้นแสดงให้เห็นถึงน้ำใจและความอดทนของผู้คน เมื่อมีการโทรจากตู้โทรศัพท์มากถึงเกือบ 1,000 สาย เนื่องจากไม่มีสัญญาณมือถือ
"มันเป็นเรื่องน่าทึ่ง ทุกคนต่อแถวอย่างสุภาพ มีแต่น้ำใจและความเข้าใจต่อกันภาพที่เห็นมันสุดยอดมากครับ"
ตู้โทรศัพท์หน้าบ้านเก่าแห่งหนึ่งในแถบภูมิภาค Source: SBS
ด้วยเหตุนี้เทลสตรา (Telstra) จึงเสนอให้ตู้โทรศัพท์ในเมืองนารูมาขึ้นทะเบียนเป็น "สถานที่สำคัญระดับชาติ" พร้อมกับอีก 2 แห่ง ตู้โทรศัพท์บนถนนเมลวิลล์ในย่านบรันสวิก เวสต์ ที่เมืองเมลเบิร์น และตู้โทรศัพท์ในเมืองดูแมดจี ชุมชนห่างไกลในรัฐควีนส์แลนด์
หากได้รับการรับรอง ตู้โทรศัพท์ทั้งสามจะถูกขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกของชาติ (National Heritage List) ในฐานะสถานที่ที่มีคุณค่าทางสังคมและวัฒนธรรม
นาโอมิ พาร์รี ดันแคน นักประวัติศาสตร์อธิบายถึงเหตุผลที่เลือกตู้โทรศัพท์ทั้งสามนี้
"ที่บรันสวิก เวสต์ คือจุดที่มีการโทรขอความช่วยเหลือไปยังสายด่วนมากที่สุดในประเทศ ส่วนที่นารูมามีการโทรสายด่วนกว่า 13,000 สาย ฉันอยู่ที่นั่นตอนเกิดไฟป่า และเห็นกับตาว่าชุมชนพึ่งพาตู้โทรศัพท์ในวันที่ทุกสิ่ง ทั้งไฟฟ้า มือถือ ไม่ทำงาน และในดูแมดจี ตู้โทรศัพท์ยังคงเป็นสายใยสำคัญของคนท้องถิ่นจนถึงวันนี้"
โคลิน ซีรี ผู้บริหารของไลฟ์ ไลน์ กล่าวว่าตู้โทรศัพท์ยังคงเป็นเครือข่ายความปลอดภัยสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญปัญหา โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ หรือรู้สึกว่าการโทรจากตู้สาธารณะจะปลอดภัยมากกว่า
เทเรซา คอร์บิน ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ของเทลสตราระบุว่า เมื่อปีที่ผ่านมามีการโทรกว่า 300,000 สายจากตู้โทรศัพท์ไปยังบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น Lifeline และเบอร์ฉุกเฉิน 000
"นับตั้งแต่เราประกาศให้การโทรฟรีได้ทั้งเบอร์บ้านและมือถือในปี 2021 การใช้งานตู้โทรศัพท์เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ปีที่แล้วคนออสเตรเลียโทรจากตู้รวมกว่า 25 ล้านสาย จากจำนวนนี้มีการโทรเบอร์ฉุกเฉิน 300,000 สายและบริการสายด่วนฉุกเฉินอื่นด้วย"
เรื่องที่เกี่ยวข้อง

คุณรู้หรือไม่ว่าเหตุการณ์แบบไหนควรโทรหาทริปเปิลซีโร (000)
ปัจจุบัน ตู้โทรศัพท์สาธารณะของออสเตรเลียราว 15,000 ตู้ทั่วประเทศยังให้บริการโทรฟรีภายในประเทศ
ในขณะที่อีกหลายประเทศ จำนวนตู้โทรศัพท์ลดลงอย่างฮวบฮาบ เช่น ในสหรัฐอเมริกา ที่เคยมีตู้โทรศัพท์ 2.1 ล้านตู้ เมื่อปี 1999 เหลือไม่ถึง 100,000 ตู้ ในปี 2016
ในวันที่ทุกอย่างผันแปรไปเป็นดิจิทัล ออสเตรเลียกลับเลือกเส้นทางตรงข้าม