ประเด็นสำคัญ
- อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจะแตกต่างไปตามแต่ละเจ้า ประเภทเงินกู้ และสถานการณ์การเงินของคุณ
- เครดิต สกอร์จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคุณจะสามารถผ่อนชำระได้หรือไม่
- ผู้ออกเงินกู้จะดูประวัติการเงินของคุณที่ออสเตรเลีย
กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
สินเชื่อส่วนบุคคล (personal loan) ช่วยให้คุณขอกู้เงิน ซึ่งคุณต้องชำระคืนพร้อมดอกเบี้ย (interest) ตามระยะเวลาที่กำหนด
หลายคนพิจารณาขอสินเชื่อส่วนบุคคลด้วยเหตุผลหลายประการ คุณแอนดรูว์ แดดส์เวลล์ (Andrew Dadswell) จาก ASIC (Australian Securities & Investments Commission – คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย) อธิบายว่า
“คุณอาจจะกำลังวางแผนไปเที่ยวหรือจะแต่งงาน แล้วคิดว่า โอ๊ย ต้องใช้เงินเยอะมาก หรือจะต่อเติมบ้าน หรือซื้อรถ ข้อดีของสินเชื่อส่วนบุคคลคือมันช่วยให้คุณสามารถแบ่งจ่ายค่าใช้จ่ายได้ ข้อเสียคือมีค่าธรรมเนียมและมีดอกเบี้ย”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
สัญญาณหลายอย่างบ่งชี้ว่าเดือนหน้า RBA จะขึ้นดอกเบี้ย
โดยทั่วไปวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ $2,000 ถึง $100,000 และมักจะมีกำหนดเวลาภายใน 2-7 ปี
และไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลได้ ผู้ออกเงินกู้จะประเมินจากสถานการณ์ของแต่ละบุคคล และผู้ออกเงินกู้แต่ละรายจะมีข้อกำหนดแตกต่างกัน
“ปกติแล้วคุณต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และต้องเป็นพลเมืองออสเตรเลีย (citizen) หรือผู้อยู่อาศัยถาวร (permanent resident) ในบางสถานการณ์ผู้ถือวีซ่าชั่วคราวอาจสามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลได้ แต่จะมีกฎเพิ่มเติมเข้ามา ผู้ออกเงินกู้จะถามประวัติการเงินของคุณ งานที่คุณทำ ยืนยันตัวตน รวมถึงคุณมีหนี้สินหรือทรัพย์สินอะไรบ้าง เช่น หนี้บัตรเครดิตหรือไม่”
ข้อสังเกตสำคัญคือผู้ออกเงินกู้จะดูประวัติการเงินของคุณในออสเตรเลียเท่านั้น
พวกเขาใช้สิ่งที่เรียกว่า “เครดิต สกอร์ (credit score หรือคะแนนเครดิต) ในการตัดสินใจว่าคุณจะสามารถชำระเงินกู้ได้หรือไม่
คุณเอมี แบรดนีย์-จอร์จ (Amy Bradney-George) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินส่วนบุคคลแนะนำให้มองภาพรวมของประวัติการเงินในออสเตรเลียของคุณ
เครดิต สกอร์ของคุณคือตัวเลขระหว่าง 0 – 1000 ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานเรื่องความสามารถในการจัดการและรับผิดชอบเครดิตของคุณ
"พวกเขาจะพิจารณาจากคะแนนเครดิตของคุณในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อส่วนบุคคลของคุณ ดังนั้นคะแนนเครดิตที่ต่ำหมายความว่าผู้ออกเงินกู้จะมีความเสี่ยงมากขึ้น พวกเขาจึงจะเพิ่มดอกเบี้ย”
แบบฟอร์มรายงานเครดิตบนโต๊ะ เอกสารอื่นๆ และเครื่องคิดเลข Credit: courtneyk/Getty Images
การยื่นใบสมัครกับผู้ออกเงินกู้หลายรายพร้อมกันอาจเป็นเรื่องที่คุณกำลังพิจารณา แต่สิ่งนี้จะลดเครดิต สกอร์ของคุณ เนื่องจากมันบ่งบอกว่าคุณกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน
ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ ควรเริ่มหาข้อมูลผู้ออกเงินกู้หลายๆ ราย อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ และระยะเวลาการกู้ยืมอย่างรอบคอบ
“หากคุณต้องการกู้เงิน $5,000 เป็นเวลา 5 ปี จริงๆ แล้วคุณจะจ่าย $6,500 ในระยะเวลานั้น เพราะคุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย $1,800 ขณะที่หากคุณขอกู้เงิน $5,000 เป็นเวลา 2 ปี คุณจะจ่ายดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเพียงประมาณ $1,000"
ดังนั้นคุณต้องชั่งน้ำหนักว่าคุณต้องการแบ่งจำนวนและการผ่อนชำระในราคาต่ำลงหรือชำระในระยะเวลาที่สั้นลง
ของมันนีสมาร์ท (Moneysmart) จะช่วยคุณคำนวณการชำระเงินคืนเมื่อคุณใส่จำนวนเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่ต้องการ
สถาบันการเงินหลายแห่ง เช่น ธนาคารหรือกองทุนต่างๆ มีสินเชื่อส่วนบุคคลที่คุณสามารถปรับให้ตรงตามที่คุณต้องการได้
คุณพอล ฟาร์เมอร์ (Paul Farmer) จากพีเพิ่ลส์ ชอยซ์ (People’s Choice) อธิบาย
“ปกติแล้วสถาบันการเงินต่างๆ จะแข่งกันเสนออัตราดอกเบี้ย ธนาคารและกองทุนหลายแห่งต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขอเงินกู้สามารถผ่อนจ่ายได้ มีผู้ออกเงินกู้หลายเจ้าที่ไม่ใช่ธนาคาร และปกติแล้วข้อกำหนดในการประเมินมักจะไม่เคร่งครัดเท่าของธนาคาร อย่างไรก็ตามคุณอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมในราคาสูงกว่า”
ลูกค้ากำลังสำรวจรถที่ขายที่ศูนย์ Credit: Jacobs Stock Photography Ltd/Getty Images
สินเชื่อที่มีหลักประกันจะใช้ในกรณีซื้อสินทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์
สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหลักประกันคือเมื่อผู้ออกเงินกู้ใช้สินทรัพย์นั้นเป็นหลักประกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณซื้อโดยเงินจากสินเชื่อส่วนบุคคล
"เป็นการลดความเสี่ยงของการสูญเงินกู้หากคุณไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันได้ อัตราดอกเบี้ยที่คุณต้องชำระจะต่างไปขึ้นอยู่กับอายุของสินทรัพย์ของคุณ”
เนื่องจากผู้ออกเงินกู้มีสินทรัพย์ของคุณเป็นหลักประกัน จึงสามารถยึดคืนได้หากคุณไม่ชำระคืน
ปกติแล้วสินเชื่อแบบมีหลักประกันจะมีอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (fixed interest rates) และคุณอาจต้องทำประกันสินทรัพย์ของคุณ
สินเชื่อส่วนบุคคลแบบที่สองคือสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งจะอนุมัติให้นำเงินไปใช้ตามจุดประสงค์ของผู้ขอเงินกู้
“สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน คุณไม่ต้องมีสินทรัพย์เพื่อเป็นหลักประกัน แต่อัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่า ผู้ออกเงินกู้จะจำกัดจำนวนเงินที่คุณจะสามารถขอกู้ได้ ปกติแล้วอยู่ที่ $2,000-$20,000”
คุณสามารถปรึกษาหาทางเลือกกับผู้ออกเงินกู้ของคุณได้เสมอ Source: iStockphoto / Atstock Productions/Getty Images/iStockphoto
อย่างไรก็ตาม คุณแบรดนีย์-จอร์จกล่าวว่าการปฏิเสธการขอสินเชื่อเป็นเรื่องปกติ
“เมื่อพวกเขาประเมินเอกสารของคุณและรู้สึกว่ารายได้ของคุณไม่เพียงพอที่จะสามารถผ่อนจ่ายได้ พวกเขาจะปฏิเสธคำขอของคุณ และหากคุณไม่มีงานหรือรายได้ที่มั่นคง หรือไม่ได้ทำงานเป็นเวลานาน พวกเขาจะพิจาณาปัจจัยเหล่านั้น”
แม้ว่าคุณจะสามารถขอสินเชื่อส่วนบุคคลได้แล้ว สถานการณ์ด้านการเงินของคุณอาจเปลี่ยนแปลงภายหลังได้
หากคุณไม่สามารถผ่อนชำระได้ตรงเวลามักจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม และการแก้ปัญหาด้วยการใช้สินเชื่อเงินด่วนหรือเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตของคุณอาจก่อให้เกิดวงจรหนี้ได้
หากคุณพบว่าคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ควรปรึกษาผู้ออกเงินกู้เรื่องทางเลือกต่างๆ พวกเขาอาจสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขให้คุณได้
คุณแดดส์เวลล์จากมันนีสมาร์ทแนะนำให้ผู้ที่กำลังประสบความลำบากด้านการเงินให้ติดต่อที่ปรึกษาด้านการเงิน (financial counsellor)
“ที่ปรึกษาด้านการเงินไม่มีค่าใช้จ่าย คุณสามารถติดต่อผ่าน ที่ 1800 007 007 หรือขอล่ามที่เบอร์ 131 450 หากภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาหลักของคุณ พวกเขาจะช่วยติดต่อให้คุณ”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ทางออกผู้ติดคุกเงินกู้ซื้อบ้าน (Mortgage Prison)
และระวังต่อสแกม (scam)
เว็บไซต์มันนีสมาร์ทมีข้อมูลเพื่อช่วยให้คุณระบุสแกมหรือคำแนะนำ หากคุณคิดว่าคุณกำลังถูกหลอก
“หากมีใครติดต่อคุณเรื่องสินเชื่อส่วนบุคคล ตรวจสอบข้อมูลของบริษัทและคนที่คุณกำลังติดต่ออยู่ อย่าตกลงทำสิ่งใดก่อนตรวจสอบ ระมัดระวังเสมอ หาข้อมูล และหากคุณมีข้อสงสัย ให้สอบถามหาความช่วยเหลือ”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
กู้ยืมเงินอย่างไรให้มีความรับผิดชอบ