กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
คุณ โจดี แฮร์ริส เกิดบาดเจ็บในที่ทำงาน และเธอไม่เคยคาดคิดว่าเธอจะต้องออกจากงานในอีกแปดปีต่อมา
เธอกล่าวว่า แม้จะพยายามสมัครงานใหม่อย่างน้อยแปดงานต่อเดือน แต่ก็ถูกปฏิเสธ คุณ แฮร์ริส เล่าว่า
"เมื่อคืนก็เพิ่งได้รับข้อความปฎิเสธงานมาอีกว่า ฉันยังไม่เหมาะกับตำแหน่ง อีกอย่างที่ฉันพยายามไม่พูดถึงก็คือ ไม่มีใครต้องการรับคนอายุ 55 ปีเข้าทำงาน"
คุณ โจดี ฮาริส เป็นหนึ่งในคนจำนวน 557,000 คนที่ได้รับเงินชดเชยการว่างงานมานานกว่าหนึ่งปี
ข้อมูลจากรายงานฉบับใหม่ ของสภาบริการสังคมแห่งออสเตรเลีย (Australian Council of Social Service) ที่ได้ตรวจสอบประวัติของบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงาน และซีอีโอ ของ ACOSS, คาสซานดรา โกลดี บอกกับ ABC ว่าอัตราการว่างงานในระยะยาวมีสถิติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
"ตอนนี้มีคนว่างงานประมาณ 60% ที่ต้องพึ่งพาเงินชดเชยการว่างงาน ต่อเนื่องมานานกว่าหนึ่งปี ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 51% ในช่วงทศวรรษที่แล้ว ดังนั้นนี่คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ"
จากข้อมูลของรายงานดังกล่าวชี้ว่า ผู้คนประมาณ 190,000 คนได้รับการช่วยเหลือ ด้านรายได้มานานกว่าห้าปี และมีเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่ระงับการจ่ายเงินช่วยเหลือเพราะได้งานใหม่
อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียมีอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือการว่างงาน ต่ำที่สุดในบรรดาประเทศ O-E-C-D ทั้ง 38 ประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 56 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน และคนที่ต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือนี้ เปิดเผยว่า พวกเขาแทบไม่มีเงินพอ ที่จะใช้ในการดำรงชีวิต
คุณ แฮร์ริส เปิดเผย ว่าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวและเพื่อนๆ ของ เธอคงไม่มีที่อยู่อาศัย
"ฉันไม่รู้ว่า คนที่มีเงินเดือนดีๆ จะมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างไร และยังไม่ต้องพูดถึงการพยายามอยู่รอดจากเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล คุณอยู่รอดยากจริงๆ ]]
จากรายงาน ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาคือการเปลี่ยนประเภทความช่วยเหลือของผู้ที่มีความพิการหรือภาวะสุขภาพเรื้อรังจากเงินบำนาญช่วยเหลือผู้พิการไปเป็นเงินบำนาญสำหรับผู้ว่างงาน ซึ่งได้เงินช่วยเหลือลดลงอย่างมาก
ซีอีโอ ของ ACOSS คาสซานดรา โกลดี กล่าวกับสำนักข่าว เอบีซี ว่า มันทำให้หลายๆคนดำรงชีวิตได้ยากขึ้น
"ขณะนี้ เรามีผู้คนจำนวนมาก มากกว่าครึ่งที่มีความทุพพลภาพหรือภาวะสุขภาพ ที่มีอายุมากขึ้นเรื่อยๆ - มากกว่าหนึ่งในสามหรือมากกว่า 55 ปี - และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ดังนั้น พวกเขาจึงเผชิญกับอุปสรรคสำคัญใน ตลาดแรงงานและระบบการช่วยเหลือการจ้างงานกำลังล้มเหลว"
อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งผู้ที่สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ แต่ก็ไม่ได้งานที่พวกเขาต้องการเสมอไป
อ่านเพิ่มเติม
คนไทยต้องดิ้นรนแค่ไหนในวิกฤตเศรษฐกิจออสเตรเลีย
จากข้อมูลของ ACOSS ผู้ว่างงานมักจะเปลี่ยนกลับเข้าสู่การจ้างงานที่ได้รับค่าตอบแทนในตำแหน่งระดับเริ่มต้น
แต่ตำแหน่งงานเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นงานพาร์ทไทม์หรือแคชวล ซึ่งคนไม่สามารถประกันรายได้ระยะยาวของพวกเขาได้ และทำให้ไม่สามารถออกจากการช่วยเหลือจากรัฐบาล
นักเศรษฐศาสตร์อิสระซอล เอสเลคกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงรวมถึงการย้ายถิ่นฐานที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยบางประการที่ผลักดันให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น
อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เกิดจากการที่คนตกงานอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต เช่น ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยต้นทศวรรษ 1980 ต้นทศวรรษ 1990 และช่วงการแพร่ระบาดของโควิด แต่เกิดขึ้นเพราะ ผู้ย้ายถิ่นหน้าใหม่หรือผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาใช้เวลาในการหางานนานกว่าแต่ก่อน"
อย่างไรก็ตาม คุณเอสเลค กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้สะท้อนว่ามีสาเหตุมาจากการมีตำแหน่งงานว่างน้อยเสมอไป
"แม้ว่าหลังโควิด จะมีตำแหน่งงานว่างน้อยลง แต่หากเทียบกับมาตรฐานในอดีตก็ยังคงอยู่ในระดับสูง และถ้าพิจารณาส่าผู้คนใช้เวลาหางานนานขึ้น ซึ่งมันอาจเป็นเริ่องเกี่ยวกับทักษะที่พวกเขามีไม่ตรงกับทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการ
ACOSS โต้ว่าว่า Workforce Australia ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาลที่ให้บริการจัดหางานสำหรับผู้หางาน ล้มเหลวในการช่วยเหลือผู้คนให้มีงานทำ
โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการเพียง 1 ใน 10 เท่านั้นที่หางานที่มั่นคงและไม่ต้องการรับการช่วยเหลือรายได้จากรัฐบาลเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
สภาบริการสังคมแห่งออสเตรเลียได้เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการจ่ายเงินสวัสดิการเป็นอย่างน้อย 82 ดอลลาร์ต่อวัน ยุติการระงับการชำระเงินอัตโนมัติ จัดตั้งหน่วยงานประกันคุณภาพอิสระสำหรับผู้ให้บริการจัดหางาน และอื่นๆ
ซึ่งจะช่วยคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่นคุณ แฮร์ริสได้อีกมาก เธอเปิดเผยว่า
พูดตรงๆ ว่าอยากทำงาน เพราะได้ออกไปเจอผู้คน แล้วความช่วยเหลือที่ได้รับนั้นไม่สามารถเลี้ยงชีวิตได้"คุณ โจดี แฮร์ริส
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่