'Jazz it up' กับ tea for three

Tea for three jazz band from Melbourne Credit: SBS Thai

เอสบีเอส ไทย

View Podcast Series

Get the SBS Audio app

Other ways to listen

การรวมตัวของวิศวกร เชฟและนักเรียนด้านการผลิตเพลงที่มีความหลงใหลในดนตรีจนเกิดวงที่ชื่อว่า ‘Tea for Three’ มาหาคำตอบว่าทำไมพวกเขาถึงเล่นเพลงแนวแจ๊สที่อาจจะมีตลาดคนฟังไม่กว้างเท่าดนตรีกระแสหลักอื่นๆ และ playlist ที่พวกเขาแนะนำสำหรับช่วงเฉลิมฉลองเทศกาล

กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

Tea for Three’ เป็นการรวมตัวกันของคน 3 คน ที่เป็นทำงานหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น นักร้องนำ นิตา วิศวกรสาวจาก Suburban train rail loop เพชร เชฟหนุ่มมือแซกโซโฟน และตีโต้ มือกีตาร์ และเป็นนักเรียนด้านการผลิตเพลง

แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือความหลงใหลในเสียงเพลง และการเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก

และเมื่อวันที่ดนตรีชักพาให้พวกเขาได้มารู้จักกัน ในนครเมลเบิร์น ความคิดที่จะตั้งวงเล่นดนตรีเพื่อที่อยากจะแบ่งปันเสียงเพลงให้แก่คนอื่นๆ จึงเกิดขึ้น

“เริ่มจากที่พี่เพชรกับนิตาเจอกันก่อนพี่เพชรไปไปดูนิตาร้องที่งานงานนึง ระหว่างเบรคแล้วก็ลงมาคุยกันปรากฏว่าเทสต์ในดนตรีคล้ายๆ กัน ชอบเล่นอะไรเหมือนเหมือนกัน ส่งดนตรีให้กันไปมาแต่ก็ไม่ได้เล่นสักทีเพราะว่าหาคนที่จะมาเป็นริทึ่มให้แบนด์ไม่ได้ เกือบครึ่งปีจนกระทั่งวันหนึ่งเราได้ไปพบกับน้องตีโต้"

Why Jazz?

แนวดนตรีแบบแจ๊ส อาจจะเป็นแนวดนตรีเฉพาะกลุ่ม แต่ทำไม tea for three จึงหลงใหลเพลงแนวนี้และพวกเขาคิดยังไงกับเทรนด์การฟังเพลงของคนในปัจจุบัน

พวกเขาบอกกับเอสบีเอสไทยว่าตอนนี้คนมีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น รวมถึงมีช่องทางการฟังเพลงที่กว้างมากขึ้น ทำให้รสนิยมการฟังเพลงของคนก็จะเพิ่มมากขึ้น คุณเพชรกล่าวว่า

Tea for three Jazz band Credit: SBS Thai

“ถ้าสําหรับผมเนี่ยพวกโฟลว์อาร์แอนด์บีอะไรพวกนี้ครับที่จริงมันมันค่อนข้างเป็นที่ที่แบบว่าเราได้ยินอยู่ตลอดอยู่แล้วเค้าก็จะเอาเข้าไปใส่ในเพลงป๊อปมากขึ้นเพื่อที่จะให้มันมีความ groovy ให้แบบคนดูแบบเข้ามามีส่วนร่วมมีความสนุกได้มากขึ้นเข้าใจง่ายขึ้น"

"เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่เนี่ยดนตรีสดเนี่ยถ้าเกิดในไทยเนี่ยส่วนใหญ่คนจะค่อนข้างเล่นเป็นอาร์แอนด์บีค่อนข้างเยอะ ถ้าอย่างชัดเจนเลยคือที่เมลเบิร์นเนี่ยคือวัยรุ่นที่นี่คือแบบอาร์แอนด์บีจ๋ามาก เราจะได้ยินแบบเค้าเอาเพลงนู้นเพลงนี้ มาเล่นเป็นแบบ R and B เพราะฉนั้นค่อนข้างแบบเป็นที่นิยมในปัจจุบันเหมือนกัน”

"สําหรับกีต้าร์นิตาว่าแจ๊สก็ยังเป็นniche market อยู่นะคะแต่ว่าแบบว่าคนสมัยนี้มีวิธีการ access เพลงหลายสไตล์ ได้ด้วยหลายช่องทางมากเพราะฉะนั้นก็จะมีแบบว่ารสนิยมการฟังเพลงของคนก็จะเพิ่มมากขึ้น"

วงการเล่นดนตรี live ในเมลเบิร์นเป็นอย่างไร

การเล่นดนตรีในนครเมลเบิร์นแตกต่างกับการเล่นดนตรีที่ไทยอย่างไร พวกเขาบอกว่า วงดนตรีที่เมลเบิร์นมีจุดเด่นคือเกือบทุกวงจะเล่นเพลงออริจินัลหรือเพลงที่พวกเขาแต่งเองร้องเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่ง พวกเขาเห็นว่าเป็นเรื่องดี นิตา กล่าวว่า

“สิ่งหนึ่งที่นิตาชอบมากคือคนที่นี่ชอบแต่งเพลงเองแล้วชอบเล่นชอบเล่น ออริจินอลอ่ะเค้าจะไม่ชอบอะไรปกติแบบว่าถ้าไปดูตาม ออริจินอลอ่ะเค้าจะไม่ชอบอะไรปกติ

เพชรพูดถึงประเด็นนี้ว่า

"ตามเวนิวเค้าซัพพอร์ตโลคอลเลยครับก็คือหลายๆ ที่มันจะเป็นบอกเลยว่าคุณแบบจะมาปล่อยเพลงก็คือแค่ไปแอพพลายสล็อต เพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาไปหลายๆ ร้านคนเขาจะรู้เลยว่ามันจะเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีคัฟเวอร์ซอง จะเป็นเพลงของartist เองเลยก็ดีครับ

แต่ตีโต้คิดว่าหากมองถึงเรื่องของการเงิน การเล่นคัฟเวอรฺอาจเป็นทางเลิอกที่ปลอดภัยกว่าในช่วงต้น

"ผมว่าผมว่าตอนแรกที่เราเริ่ม ถ้ามองในเชิง financial มันอาจจะต้องเล่น cover ไปก่อน"

Jazz playlist สำหรับซัมเมอร์และช่วงเทศกาล

ใกล้ช่วงเทศกาลปลายปีเข้ามาทุกทีแล้ว ถ้าคุณอยากจะได้ playlist เพลงแจ๊สเพราะไว้เปิดในงานปาร์ตี้

หรือหากใครอยากจะเริ่มฟังเพลงแนวนี้ tea for three มีรายชื่อเพลงที่พวกเขาชื่นชอบมาฝาก นิตา บอกเล่าถึง playlist ในดวงใจของเธอว่า

“ถ้าเกิดจะ recommend นะคะคนที่อยากฟังแนว jazzy เพลงคริสมาสนะคะมีสอง album ที่แบบไปเปิดสปอตติฟายฟังได้เลย เอลล่า (Ella Fitzgerald) wishes you a swinging Christmas แล้วก็มีอีกอันหนึ่ง A Very Laufey Christmas ที่เพิ่งออกมาเพิ่งออกมา”

วง tea for three เล่นดนตรีในสตูดิโอเอสบีเอส นครเมลเบิร์น Credit: SBS Thai

ส่วน playlist ของตีโต้ โปรดิวเซอร์ก็มีความชอบคล้ายๆ กัน เขาแนะนำว่า

“ชอบเพลง Sleigh Ride ของ Ella Fitzgerald แล้วก็ Winter wonderland แล้วก็ Rocking around Christmas tree ครับ”

ส่วนความสำเร็จในเส้นทางดนตรีที่ tea for three ตั้งเป้าไว้ในอนาคต นอกจากจะมีการขยับขยายวงหรือการซุ่มทำเพลงของตัวเองอยู่บ้าง

แต่สิ่งที่พวกเขารู้สึกได้ในวันนี้คือ หากการที่พวกเขาเล่นดนตรีด้วยความสุขแล้วสามารถส่งผ่านไปยังคนฟังได้ นั่นก็คือ ‘ความสำเร็จ’ แล้ว

“ผมแค่รู้สึกว่าเวลาเล่นดนตรีแล้วมันมีความสุข คืออย่างน้อยความสุขที่พวกเราเล่นด้วยกันน่ะมันมันต้องถูกผ่านไปยังใครสักคนที่เค้าเอ็นจอยกับมันได้คือแค่ผมรู้สึกว่าผมเล่นดนตรีแล้วผมมีความสุขกับเพื่อนเนี่ยผมโอเคละ” คุณ เพชรทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม

ฟังเรื่องราวของ Tea for three เต็มๆ ได้ที่นี่ :

LISTEN TO