อัตราการเกิดของออสเตรเลียลดงลงหลังเบบี้บูมในช่วงโควิด-ล็อกดาวน์
ข้อมูลวิเคราะห์ประชากรและอัตราการเกิดของ KPMG พบว่าในปี 2023 ในออสเตรเลียมีทารกเกิดน้อยลง 26,110 คนหรือคิดเป็นร้อยละ8.28 เมื่อเทียบกับปี 2021
จำนวนทารกทั้งหมดที่เกิดในปี 2023 คือ 289,100 คน ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา
นักเศรษฐศาสตร์เมืองของ KPMG เทอร์รี่ รอว์นสลีย์ กล่าวว่าดูเหมือนว่าแรงกดดันด้านค่าครองชีพอาจเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่ออัตราการเกิด ซึ่งโดยปกติแล้วภาวะเศรษฐกิจมักจะส่งอิทธิพลต่ออัตราการเกิด คุณ รอว์นสลีย์ วิเคราะห์ว่า
ิ่อ่านเพิ่มเติม

คนไทยต้องดิ้นรนแค่ไหนในวิกฤตเศรษฐกิจออสเตรเลีย
“เราไม่ได้เห็นอัตราการเกิดที่ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้ในออสเตรเลียนับตั้งแต่ช่วงที่เศรษฐกิจซบเซาในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการการใช้ยาคุมกำเนิดเป็นวงกว้าง”
แต่หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้อัตราการเกิดมีความผันผวนอย่างมากในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา คุณ รอว์นสลีย์กล่าวว่า
“หลังจากเกิดความไม่แน่นอนในช่วงล็อกดาวน์ ผู้คนที่ยังไม่มีลูกจึงตัดสินใจสร้างครอบครัว”

The number of births in Australia dropped between 2023 and 2021. Source: SBS
ระหว่างปี 2020 ถึง 2021 ในออสเตรเลียมีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 โดยมีจำนวนทารกเกิดใหม่ 315,210 คนในปี 2021
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นั้นมา ชาวออสเตรเลียต้องเผชิญกับการปรับอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นหลายครั้ง
ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2022 ถึงพฤศจิกายน 2023 ธนาคารกลางได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเดิมถึง 13 เท่า ส่งผลให้ค่าจำนองบ้านของเจ้าของบ้านสูงขึ้น
สถานการณ์เช่นนี้เอง ทำให้ในปี 2022 จำนวนการเกิดของทารกลดลงเหลือ 302,900 คน ก่อนที่จะลดลงอีกครั้งในปี 2023 คุณ รอว์นสลีย์ อธิบายว่า
ปัจจุบันเราเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อความกดดันด้านการเงินในครัวเรือน ชาวออสเตรเลียจำนวนมากจึงตัดสินใจชะลอการสร้างหรือขยายครอบครัวเทอร์รี่ รอว์นสลีย์ นักเศรษฐศาสตร์เมืองของ KPMG
ก่อนหน้านี้ คุณ รอว์นสลีย์ ได้เน้นย้ำถึงผลกระทบของปัญหาค่าครองชีพ เช่น ความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่คนหนุ่มสาวชะลอการมีบุตรหรือมีบุตรเพิ่ม คุณ รอว์นสลีย์ ให้ความเห็นกับเอสบีเอสนิวส์เมื่อต้นเดือนนี้ว่า
“ถ้าคุณอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์ห้องสองห้องนอนในซิดนีย์ และนั่นคือที่อยู่อาศัยที่คุณสามารถมีกำลังซื้อได้ การมีลูกแค่หนึ่งคนก็สมเหตุสมผล”
“เพราะการอยู่ในอพาร์ทเมนต์สองห้องนอน มันอาจจะยากสำหรับการมีลูกสองคน ในขณะเดียวกันคุณอาจไม่มีกำลังพอที่จะขยับขยายไปซื้อทาวน์เฮาส์แบบสามห้องนอนได้”
คุณ รอว์นสลีย์ กล่าวว่าตัวเลขในปัจจุบันยังแสดงให้เห็นว่าปัญหาทางเศรษฐกิจอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจมีลูกของผู้คนเช่นไร
เช่น สถานการณ์ในแคนเบอร์รา ซึ่งเป็นรัฐเดียวที่มีเผชิญกับอัตราการเกิดลดลงน้อยกว่ารัฐอื่นๆ โดยในปี 2019 และ 2023 มีทารกเกิดประมาณ 5,500 คน
คุณ รอว์นสลีย์ อธิบายว่าอัตราค่าครองชีพของกรุงแคนเบอรา "ลดลงเล็กน้อย" เมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ
“แคนเบอรายังมีแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง”
“นั่นหมายความว่าครอบครัวต่างๆ ไม่ได้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากเท่ากับเมืองอื่นๆ และในทางกลับกัน เราได้เห็นเสถียรภาพของอัตราการเกิดในแคปิตอลเทร์ริทอรี”
ซึ่งเป็นเมืองที่ผู้หญิงมีลูกมากกว่าสามคน และจากการสำรวจพบว่า อีกพื้นที่หนึ่งที่มียังมีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ เมืองกิลแกนดรา เมืองทางตะวันตกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งในปี 2023 มีทารกเกิด 77 คน
ผู้หญิงในเมืองกิลแกนดรามีลูกโดยเฉลี่ย 3.38 คน ซึ่งสูงกว่าอัตราการเกิดโดยรวมในออสเตรเลียซึ่งอยู่ที่ 1.6 คนในปี 2023
ในออสเตรเลียต้องมีอัตราการเกิดโดยรวมอย่างน้อย 2.1 คนเพื่อรักษาขนาดประชากรให้คงที่ในระยะยาว หากไม่มีรวมปัจจัยการย้ายถิ่น
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้คนในมืองกิลการดามีลูกมากกว่าที่อื่น อาจจะเป็นเรื่องความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย ตามข้อมูลของ Domain Group ระบุว่าราคาบ้านเฉลี่ยของเมืองนี้อยู่ที่ 260,000 ดอลลาร์
เมื่อเปรียบเทียบกับราคาบ้านเฉลี่ยในนครซิดนีย์ซึ่งอยู่ที่ 1.6 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาแพงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับในบรรดาเมืองใหญ่ต่างๆ ในออสเตรเลีย
รัฐที่มีบ้านแพงที่สุดรองลงมา ได้แก่ แคปิตอลเทร์ริทอรี และนครเมลเบิร์น ทั้งสองแห่งมีราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์

Gilgandra in NSW has the highest fertility rate, although data for Tasmania, South Australia and the Northern Territory were not available. Source: SBS
ส่วนในรัฐวีนส์แลนด์ก็พบว่ามีเมืองที่ยังมีอัตราการเกิดสูงเช่นกัน เช่น เขตเมืองทารา เกาะสแตรดโบรคเหนือ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองคิงการอย และ เขตฝั่งตะวันออกของเมืองรอกแฮมตัน
ในทางกลับกันพื้นที่ที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุดส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเมืองชั้นในของนครหลวงต่างๆ

Most of the areas with the lowest fertility rates were inner-city suburbs located in capital cities. Source: SBS
“เราจะไม่ค่อยเจอกระแสเบบี้บูมในส่วนภูมิภาคเพราะครอบครัวหนุ่มสาวที่ย้ายออกไปในช่วงโควิดแล้ว” คุณ รอว์นสลีย์ เปิดเผย
รัฐแทสเมเนียเป็นรัฐเดียวที่มีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 20236 เมื่อเทียบกับปี 2019 โดยมีจำนวนการเกิดเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 คิดเป็น 5,850 คน
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่
เรื่องราวที่น่าสนใจ

ผลสำรวจเผยเด็กในออสฯ ต้องประสบปัญหาด้านการเงิน เศรษฐกิจ และภาษา