ประเด็นสำคัญ
- กลุ่มผู้เรียกร้องเสนอให้ออสเตรเลียเดินตามระบบการเก็บค่าปรับอย่างเป็นสัดส่วนเหมือนในประเทศฟินแลนด์
- สถาบันออสเตรเลียลงความเห็นว่าระบบปัจจุบันนั้นทำร้ายกลุ่มผู้รายได้น้อย
- กลุ่มผู้ใช้ถนนซึ่งมีรายได้น้อยควรจ่ายค่าปรับต่ำกว่ากลุ่มคนใช้ถนนที่มีรายได้สูง
รายงานฉบับใหม่เผยว่า ระบบการคำนวณค่าปรับจราจรปัจจุบันของออสเตรเลียนั้นเป็นการทำร้ายผู้มีรายได้น้อย พร้อมแนะนำให้ใช้การคำนวณค่าปรับตามระดับรายได้ของผู้ขับขี่
การจ่ายค่าปรับจราจรนั้นอาจหมายถึงการจำเป็นต้องเลือกระหว่างนำเงินไปจ่ายค่าปรับหรือไปซื้อของใช้จำเป็น ในขณะที่กลุ่มคนรายได้สูงนั้น การจ่ายค่าปรับอาจเป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญสถาบันออสเตรเลีย กล่าว
ภายใต้ระบบการคำนวณค่าปรับจราจรในปัจจุบันนั้น ผู้ขับขี่ทุกรายได้ถูกปรับด้วยความผิดขับเร็วเกินกำหนดนั้นจำเป็นต้องชำระค่าปรับในราคาเดียวกันตามที่กำหนดในแต่ละรัฐ ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าใดก็ตาม
อย่างไรก็ตาม รัฐนิวเซาท์เวลส์ได้เสนอส่วนลดค่าปรับ 50 เปอร์เซ็นให้กับค่าปรับบางประเภทให้กับกลุ่มบุคคลที่พึ่งสวัสดิการของรัฐ
จากการรายงานฉบับใหม่นี้ได้มีการเรียกร้องให้มีนำระบบคำนวณค่าปรับที่เป็นธรรมมากกว่าของประเทศฟินแลนด์มาใช้กับออสเตรเลีย
นอกจากนี้ ผู้จัดการด้านการวิจัยและผู้ร่วมเขียนรายงานจากสถาบันออสเตรเลียยังชี้ว่า การที่เศรษฐีพันล้านจ่ายค่าปรับเมื่อขับขี่เร็วเกิดกำหนดที่ 200 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาเดียวกับกลุ่มคนรายได้ต่ำนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรม
ระบบการคิดค่าปรับกรณีขับขี่ด้วยความเร็วเกินกำหนดนั้นเป็นการทำร้ายกลุ่มคนรายได้ต่ำเธอกล่าว
อ้างอิงจากแผนของสถาบันออสเตรเลียที่เสนอให้มีการกำหนดฐานค่าปรับความเร็วเกินกำหนดตามระดับความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ อีกทั้งควรนำยอดรายได้ของผู้ถูกปรับมาใช้ในการคำนวณร่วมด้วยกับปัจจัยว่ามีผู้อยู่ในการอุปถัมป์หรือไม่ (dependants)
ในปัจจุบัน ผู้ขับขี่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์จ่ายค่าปรับที่ 361 ดอลลาร์หากถูกสั่งปรับด้วยความผิดขับเร็วเกินกำหนดอยู่ที่ระหว่าง 10-19 กม./ชั่วโมง แต่จากแผนข้อเสนอของสถาบันออสเตรเลียนั้น ได้ระบุร้องขอให้ผู้ขับขี่ควรถูกปรับในเกณฑ์ตั้งแต่ 75-885 ดอลลาร์ โดยให้สอดคล้องกับฐานรายได้ของแต่ละบุคคล
จากผลรายงานดังกล่าวนั้นได้ระบุอีกว่าค่าปรับที่ค้างชำระนั้นอาจเพิ่มทบขึ้นสูงจนอาจส่งผลกระทบมากไปกว่าการเสียค่าปรับแก่ผู้ขับขี่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกใบอนุญาตขับขี่หรือยกเลิกเลขทะเบียนรถยนต์ได้ ซึ่งนั่นอาจทำให้ผู้ขับขี่ดังกล่าวไม่สามารถเดินทางไปทำงานหรือขาดรายได้เพื่อใช้ในการจ่ายค่าปรับได้
ในขณะที่ยอดค่าปรับเหล่านี้อาจสร้างความเดือดร้อนเหมือนแค่โดนยุงกัดให้กับกลุ่มคนรวย แต่สำหรับคนจนนั้น ผลกระทบดังกล่าวอาจเป็นเหมือนโลกถล่มกับคนจนนายซิล โฮเวนกา-โวโชป รองผู้บังคับบัญชาประจำหน่วยงานให้คำปรึกษาด้านการเงินในรัฐวิกตอเรีย กล่าว
ในปี 2014 จากการที่เธอไม่สามารถจ่ายค่าปรับยอด 1,000 ดอลลาร์ได้ ซึ่งเป็นค่าปรับจากอุบัติเหตุกับตำรวจเพียงเล็กน้อย (แม้จะไม่ใช้ความผิดเกี่ยวกับความผิดทางจราจร)
และในปี 2016 นางโรซาลินดา ฟอกเลียนี (Ros Fogliani) เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ได้แนะนำให้ยกเลิกการคุมขังผู้ถูกปรับเพียงเพราะค้างชำระ ส่งผลให้ในปี 2022 ทางรัฐได้มีการแก้ไขข้อกฎหมาย จึงทำให้ตำรวจในรัฐไม่สามารถคุมขังบุคคลที่ไม่มีกำลังจ่ายค่าปรับ
จากการรายงานของสถาบันออสเตรเลีย มีการระบุว่าค่าปรับที่คำนวณขึ้นจากรายได้นั้นมีจุดประสงค์ดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการใช้กฎหมาย มากกว่าเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ขับขี่ อีกทั้งยังแนะนำเพิ่มอีกว่าสัญลักษณ์เตือนตามท้องถนนนั้นควรมีประสิทธิภาพและใช้งานได้จริง
และนี่คือโมเดลการคำนวณค่าปรับที่เป็นธรรมมากขึ้นจากคำแนะนำของสถาบันออสเตรเลีย
รัฐนิวเซาท์เวลส์: ระหว่าง $75 - $885 ดอลลาร์ (ค่าปรับปัจจุบัน $361 ดอลลาร์)
รัฐวิกตอเรีย: ระหว่าง $75 - $850 ดอลลาร์ (ค่าปรับปัจจุบัน $330 ดอลลาร์)
รัฐควีนส์แลนด์: ระหว่าง $75 - $829 ดอลลาร์ (ค่าปรับปัจจุบัน $266 ดอลลาร์)
รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย: ระหว่าง $75 - $917 ดอลลาร์ (ค่าปรับปัจจุบัน $200 ดอลลาร์)
รัฐเซาท์ออสเตรเลีย: ระหว่าง $75 - $750 ดอลลาร์ (ค่าปรับปัจจุบัน $406 ดอลลาร์)
แทสมาเนีย: ระหว่าง $75 - $804 ดอลลาร์ (ค่าปรับปัจจุบัน $150 ดอลลาร์)
ACT: ระหว่าง $75 - $750 ดอลลาร์ (ค่าปรับปัจจุบัน $489 ดอลลาร์)
นอร์เธิร์นเทอริทอรี: ระหว่าง $75 - $849 ดอลลาร์ (ค่าปรับปัจจุบัน $300 ดอลลาร์)
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ขับขี่ให้บริการผ่านแอปฯ อย่างไรไม่ให้ผิดกฎจราจร
เรื่องอื่นที่น่าสนใจ
งานที่ 'ไม่ยากเกินไป' ผู้หญิงไทยกับอาชีพช่างไม้ในออสเตรเลีย
