เรียกร้องให้มีวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิงในออสเตรเลียเพิ่มเติม

The Netherlands starts vaccinating against Monkeypox

The Netherlands start vaccinating against Monkeypox Source: ANP

ขณะนี้โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ถูกพิจารณาให้เป็นไวรัสที่มีความสำคัญระดับชาติในออสเตรเลีย กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อมองหาวิธีป้องกันตนเอง องค์กรสุขภาพสำหรับเพศทางเลือก (LGBTQI+) เรียกร้องให้รัฐบาลจัดหาวัคซีน ก่อนที่ไวรัสจะแพร่กระจายเกินควบคุม


คลินิกทอร์น ฮาร์เบอร์ (Thorne Harbour) คลินิกสุขภาพสำหรับกลุ่มเพศทางเลือก (LGBTQI+) ที่เก่าแก่ที่สุดในเมลเบิร์นต้องรับมือกับสัปดาห์อันแสนวุ่นวายที่ผ่านมากับคำถามมากมาย หลังออสเตรเลียประกาศให้โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคที่มีความสำคัญระดับชาติ

เคสผู้ป่วยด้วยไวรัสตัวนี้ในแถบซีกโลกเหนือก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จนองค์กรอนามัยโลก (World Health Organisation – WHO) ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลก

คุณปีเตอร์ ล็อก (Peter Locke) ผู้จัดการคลินิกกล่าวว่า กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอย่างชายที่เป็นเกย์ (Gay) และไบเซ็กชวล (Bisexual) อยากฉีดวัคซีน

“เราได้เห็นการสอบถามถึงเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และผมคิดว่า ขณะที่ชุมชนตระหนักว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มฉีดวัคซีน เพราะชุมชนเกย์และชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายอยากปกป้องสุขภาพของพวกเขาและคนรอบข้าง พวกเขาอยากที่จะให้มีการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด”
แต่คุณล็อกกล่าวว่า พวกเขายังคงต้องรอก่อน ในตอนนี้

“เราไม่มีวัคซีนในสต็อกตอนนี้ และเราไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่วัคซีนจะมาถึง แต่เรากำลังเตรียมตัว เรากำลังศึกษาการเก็บรักษาวัคซีนและพยายามคิดแผนการณ์ในการแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงโดยเร็วที่สุด”

วัคซีนเฉพาะสำหรับโรคฝีดาษลิงยังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลาย แต่วัคซีนที่พัฒนาสำหรับไข้ทรพิษ (Smallpox) นั้นถือว่ามีประสิทธิภาพ และขณะนี้มีวัคซีนในตลาดอยู่สองตัว

ออสเตรเลียมีหนึ่งในสองวัคซีนนั้น เป็นวัคซีนรุ่นเก่าที่เรียกว่า ACAM-2000 แต่วัคซีนตัวนี้ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โดยเฉพาะผู้ที่มีเอชไอวี (H-I-V)

วัคซีนตัวนี้ยังต้องฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น และมีผลข้างเคียงที่พบได้ยากแต่ร้ายแรง ตัวเลือกที่ต้องการคือวัคซีนตัวที่สาม ซึ่งเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ เรียกว่า เอ็มวีเอ-บีเอ็น (MVA-BN)

คุณฮีท เพย์นเตอร์ (Heath Paynter) รักษาการประธานผู้บริหารสหพันธ์องค์กรเอดส์แห่งออสเตรเลีย (Australian Federation of AIDS Organisations) กล่าวว่าสามารถฉีดให้ได้ทุกคนและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
วัคซีนตัวที่สามนี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากในการยังยั้งการติดเชื้อของไวรัส ซึ่งต่างจากวัคซีนโควิดที่ช่วยระงับความรุนแรงของอาการ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการมีวัคซีนตัวนี้ถึงสำคัญมาก
A man after receiving a vaccine
ชายหลังจากได้รับวัคซีน Source: Pexels/Nataliya Vaitkevich
แต่การจัดจำหน่ายวัคซีนเอ็มวีเอ-บีเอ็นไม่เพียงพอต่อความต้องการทั่วโลก ทำให้ประเทศ เช่น ออสเตรเลียมีความเสี่ยง และนายแพทย์เบง ยู (Doctor Beng Eu) แพทย์จีพี (GP) กล่าวว่า   

“เราทราบถึงวัคซีนนี้ แต่เราไม่มีวัคซีนเพื่อฉีด เราไม่แน่ใจว่าจะหามาได้อย่างไร เราพยายามโทรหาหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐ ที่กำลังพยายามหาวัคซีนนี้เช่นกัน ไม่มีวัคซีนในคลินิกไหน เราไม่สามารถจับจองวัคซีนได้ หลายคนต้องการวัคซีน แต่เราไม่มี”

ในคำแถลงการณ์ของนายมาร์ก บัตเลอร์ (Mark Butler) รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลกลางกล่าวว่า ออสเตรเลียพยายามจัดหาวัคซีนเอ็มวีเอ-บีเอ็น ก่อนที่องค์การอนามัยโลกจะประกาศ โดยตระหนักถึงความต้องการที่สูงและวัคซีนที่มีจำกัด

นายบัตเลอร์กล่าวว่า กำลังดำเนินการร่วมกับรัฐบาลของรัฐและมณฑลซึ่งเป็นจุดแจกจ่ายวัคซีน

นาย เบร็ท ซัททัน (Brett Sutton) หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐวิกตอเรียกล่าวว่า

“เราจำเป็นต้องมีวัคซีนพื่อปกป้องผู้ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด แต่การจัดหาวัคซีนขณะนี้เป็นปัญหาระดับนานาชาติ ไม่มีวัคซีนเพียงพอต่อผู้ที่มีความเสี่ยงทั้งหมด เราจะพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมสถานการณ์ด้านสุขภาพ โดยการแยกผู้ที่ติดเชื้อและติดตามผู้ที่สัมผัสใกล้ชิด”
A young man staniding near building with lgbt graffiti
ผู้ชายยืนหน้าตึกที่มีกราฟฟิติสีรุ้ง Source: Pexels/Anete Lusina
นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพมวลชนกล่าวว่า จำเป็นต้องมีการณรงค์ให้ข้อมูลเพื่อต่อสู่กับการระบาดของโรคฝีดาษลิง

แต่คุณเพย์นเตอร์กล่าวว่า ต้องมีการเตือนแก่ชุมชนในการหลีกเลี่ยงการทำให้อับอายหรือการตีตรา เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงแรกของการระบาดของเอชไอวี

“เราต้องปฏิบัติด้วยวิธีที่อ่อนไหวและคุ้นเคย เพราะนั่นหมายความว่าชายที่เป็นเกย์จะฟังคำเตือน และเราทราบจากประสบการณ์ของเราจากเอชไอวีว่า ชายที่เป็นเกย์มีความตื่นตัวเรื่องสุขภาพของตนเอง พวกเขาต้องการเลือกสิ่งที่ดีเกี่ยวกับสุขภาพของพวกเขาและการตัดสินใจที่สามารถปกป้องสุขภาพของชุมชน และพวกเขาได้ทำเช่นนั้นมาเกือบ 40 ปีกับเอชไอวี แต่การที่จะทำแบบนั้นได้ พวกเขาต้องการข้อมูล พวกเขาต้องการที่จะสามารถตัดสินใจจากข้อมูลที่ถูกต้อง และคุณต้องมีคำเตือนที่คำนึงถึงจุดนี้ โดยผู้นำชุมชน”

ศาสตราจารย์พอล กริฟฟิน (Paul Griffin) แพทย์ด้านโรคติดเชื้อกล่าวว่า ออสเตรเลียสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์โรคฝีดาษลิงที่แย่ที่สุดได้ ด้วยแนวทางที่มีเป้าหมาย

“ผมคิดว่าเราน่าจะมีเคสที่เยอะกว่านี้ แต่ผมคิดว่าหากเรามีคำตอบที่ดี ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไม่เยอะมาก นี่เป็นการติดเชื้อที่แพร่เชื้อค่อนข้างยาก เราทราบถึงกลุ่มเสี่ยง ดังนั้นเราควรมีการรับมือทางสุขภาพพื้นฐานที่สามารถลดโอกาสของการแพร่เชื้อต่อไปได้”
...
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 

Share