กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
คริกเก็ต (Cricket) นับเป็นหนึ่งในกีฬาฤดูร้อนของออสเตรเลีย และอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานคริกเก็ต ออสเตรเลีย
เชื่อกันว่าคริกเก็ตมีต้นกำเนิดในอังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และมีข้อมูลการเล่นคริกเก็ตในออสเตรเลียตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยมีบันทึกการแข่งขันครั้งแรกที่ซิดนีย์ ในปี 1804
ออสเตรเลียมีนักกีฬาคริกเก็ตที่เป็นตำนานหลายคน เช่น เอลลีส เพอร์รี่ และเซอร์ โดนัลด์ แบรดแมน หรือที่เรียกกันว่า ‘เดอะ ดอน’
สำหรับกีฬาคริกเก็ตเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 ทีม โดยแต่ละทีมมีผู้เล่น 11 คน
อับซาร์ ฮะซัน นักคริกเก็ตมืออาชีพที่เล่นให้กับสโมสรคริกเก็ตแห่งมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์อธิบายโครงสร้างพื้นฐานของการแข่งขันคริกเก็ตว่า
“มีฝ่ายรับลูกและฝ่ายตีลูก ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นฝ่ายชนะการโยนเหรียญ โดยจะมีการโยนเหรียญก่อนเกมจะเริ่ม ทีมที่ชนะการโยนเหรียญจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรับลูกก่อนหรือจะตีลูกก่อน ทีมรับลูกซึ่งประกอบด้วยผู้เล่นทั้ง 11 คนในทีมจะได้ลงสนามพร้อมกัน และจากฝ่ายตีลูกจะมีนักตี 2 คนที่ตีลูกตรงกลางสนาม และการหมุนเวียนจะเกิดขึ้นจากตรงนั้น”
วิคเก็ตในสนาม Source: Getty / Colin Anderson
ซึ่งหมายความว่าไม่มีช่วงเวลาที่แน่นอนในการเล่นเกม และเกมมักจะยาวนานกว่ากีฬาอื่นๆ มาก โดยระยะเวลาการแข่งขันอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่สามถึงห้าวัน โดยเล่นวันละหกชั่วโมง
ฮะซันอธิบายการตีลูกเอาท์ว่า
“วิธีหลักๆ คือ การถูกโยนออกไป ในสนามจะมีตอไม้สองชุด ถ้าลูกไปโดนตอไม้ ผู้ตีก็จะออก ถ้าลูกไปโดนขาหน้าของคุณก่อนถึงวิคเก็ตหรือด้านหน้าวิคเก็ต นั่นก็ออกเช่นกัน ถ้าคุณตีลูกแล้วลูกลอยอยู่กลางอากาศขณะตีเต็ม และผู้เล่นในสนามรับลูกได้ขณะตีเต็ม นั่นก็ออกเช่นกัน หากคุณเผชิญหน้ากับโบว์เลอร์(ผู้ขว้าง) ที่ช้ากว่า ผู้รักษาประตูจะได้รับอนุญาตให้ยืนใกล้กับตอไม้ของนักตีมากขึ้น ดังนั้นถ้าผู้ตีลงไปที่วิคเก็ตหรือเคลื่อนที่ลงมาในสนามและอยู่นอกเส้นตีของเขา และวิคเก็ตผู้ตีคว้าลูกและตีเบลลง ผู้ตีก็จะออกเช่นกันในกรณีนั้น”
สำหรับคำศัพท์เกี่ยวกับคริกเก็ตที่คุณมักจะได้ยินบ่อยๆ เช่น การขว้าง (delivery) การโอเวอร์ และอินนิ่ง
โดยลูกบอลที่ถูกขว้างหรือโยนไปทางผู้ตีเรียกว่าการขว้าง และการขว้างหรือการโยนหกครั้งเรียกว่าโอเวอร์
เมื่อโอเวอร์นั้นเสร็จสิ้น จะต้องมีการเปลี่ยนข้างสนาม
"เมื่อโยนลูกหนึ่งโอเวอร์ โบว์เลอร์จะโยนลูกจากด้านหนึ่งของสนาม เมื่อโอเวอร์เสร็จสิ้น ข้างของสนามจะถูกเปลี่ยน และโบว์เลอร์คนต่อไปจะโยนลูกจากด้านอื่นของสนาม และนักตีก็จะหมุนเวียนกันตีลูกด้วย ดังนั้น พวกเขาจึงไปจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง”
การตีลูกเอาท์ Credit: Patrick Case/pexels
ฤดูกาลของคริกเก็ตจะมีการแข่งขันหลายรายการ ตั้งแต่การแข่งขันระยะสั้น 3 ชั่วโมงจนถึงเกมเทสต์ 5 วัน คริกเก็ตเทสต์เป็นรูปแบบคริกเก็ตที่เก่าแก่ที่สุดและมักประกอบด้วย 2 อินนิง
ดิ แอชส์ (The Ashes) เป็นการแข่งขันคริกเก็ตเทสต์ประเภทซีรีส์ที่มีชื่อเสียงที่สุด จัดขึ้นระหว่างออสเตรเลียและอังกฤษตั้งแต่ปี 1882 โดยทั้งสองประเทศจะสลับเป็นประเทศเจ้าภาพ และการแข่งขันที่ออสเตรเลียมักจะจัดขึ้นในเมืองหลวงหลายแห่งเป็นเวลา 5 วัน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา มีรูปแบบการแข่งขันที่สั้นกว่ามากซึ่งเรียกว่า ‘ทีทูโอไอ (T20I) หรือ ทเวนตีทเวนตีคริกเก็ต (Twenty20 cricket) โดยแต่ละทีมจะแข่งขันกันเพียง 20 โอเวอร์
บิ๊ก แบช ลีก (Big Bash League) หรือที่มักเรียกกันว่า BBL เป็นลีก T20 ระดับมืออาชีพของผู้ชายในออสเตรเลีย ขณะที่วีเมนส์ บิ๊ก แบช ลีก หรือ WBBL เป็นการแข่งขันของทีมหญิง
การแข่งขันคริกเก็ตแบบวันเดย์อินเตอร์เนชั่นแนล (ODI) เป็นเกมที่สั้นกว่า และสามารถแข่งขันให้จบภายในวันเดียวได้
เมเฮอร์ ไร นักคริกเก็ตอาชีพที่จากกรีนเวล คริกเก็ต คลับ อธิบายถึงการเล่นคริกเก็ตแบบ ODI ว่า
“ODI ย่อมาจาก one day international cricket เป็นการแข่งขันระหว่างทีมนานาชาติ 2 ทีม โดยใช้เวลาแข่งขัน 50 โอเวอร์ และโดยปกติจะเล่นในชุดสีตามความเหมาะสมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง”
ครอบครัวเล่นคริกเก็ตในสนามหลังบ้าน Source: Getty / Marilyn Nieves
นักคริกเก็ตชื่อดังคนหนึ่งของออสเตรเลีย ผู้ล่วงลับไปแล้วอย่าง แชน วอร์นเคยกล่าวไว้ว่า “ประวัติศาสตร์ของคริกเก็ตมีความหมายต่อผมมาก ทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์ของมัน”
คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์
บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่