ชวนมารู้จัก 'ดอกซากศพ' ทั้งเหม็น ทั้งประหลาด แต่ทำไมคนนับหมื่นแห่เข้าชม

The Corpse Flower is about to bloom at the Royal Botanic Garden Sydney.

A giant flower with an unusual smell is drawing attention to Sydney's botanical gardens. Source: SIPA USA / AAP

ที่สวนพฤกษศาสตในนครซิดนีย์ มีดอกไม้ขนาดยักษ์ที่มีกลิ่นเหม็นแปลกๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจของผู้คน ดอกไม้ยักษ์นี้มีสมญานามว่า "ดอกไม้ซากศพ" ซึ่งผลิบานเต็มที่เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมาและเป็นการผลิบานครั้งแรก ครั้งแรกในรอบ 15 ปี


กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน

the Corpse flower หรือดอกไม้ซากศพ หรือดอกพุตริเซีย ที่ผลิบานในรอบ 15 ปี ที่สวนพฤกษศาสตร์ซิดนีย์ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เรียกกระแสฮือฮาทั้งทางออนไลน์และมีผู้คนเรือนหมื่นแห่เยี่ยมชม

เอสบีเอสไทยจะพาคุณไปรู้จักว่า ดอกพุตริเซีย หรือที่เรียกขานกันในนาม ดอกไม้ซากศพ ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในดอกไม้ที่มีกลิ่นแรงที่สุดในโลกนั้นมาจากไหน รูปร่างเป็นอย่างไร และทำไมคนทั่วโลกจึงให้ความสนใจ

หลายคนให้ความเห็นว่ามันมีกลิ่นเหมือนสัตว์ที่ตายแล้วหรือซากศพ บางคนบอกว่ามันมีกลิ่นเหมือนพีน่าโคลาดาผสมกลิ่นท้องเสีย

ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้ในวงศ์ ไททันอารัม (Titan Arum) ซึ่งเป็นวงค์ของดอกซากศพ หรือดอกบุกยักษ์ ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง มีดอกที่ใหญ่และเหม็นที่สุดในโลกและบานเพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้น

ผู้อำนวยการฝ่าย Horticulture and Living Collections จอห์น ไซมอน เปิดเผยว่า

"Amorphophallus titanium หมายถึง อวัยวะเพศชายพิการขนาดยักษ์ ซึ่งสะท้อนถึงจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และคุณจะรู้ได้ทันทีว่าใครชอบ ใครไม่ชอบ"

พืชนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินโดนีเซียในชื่อ Bunga Bangkai ซึ่งพบได้ในป่าฝนทางตะวันตกของเกาะสุมาตรา พืชชนิดนี้เป็นพืชหายากและใกล้สูญพันธุ์ แถมยังมีความสูงถึง 3 เมตร

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา สวนพฤกษศาสตร์ซิดนีย์มีการประชาสัมพันธ์ว่าคาดว่าดอกไม้จะบานสะพรั่งในวันที่ 23 มกราคม ทำให้ผู้คนกว่า 500,000 คนทั่วโลกติดตามชมการถ่ายทอดสดบน Youtube อย่างใจจดใจจ่อ

และมีผู้คนมากกว่า 5,000 คนเข้าแถวเพื่อชมดอกไม้ นอกจากนั้นความนิยมของดอกไม้ชนิดนี้ทำให้เกิดเพลย์ลิสต์บน Spotify ซึ่งมีเพลงอย่าง Kiss from a Rose ในนั้น แถมยังมีแฟนเพจบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook อีกด้วย

คุณ ไซมอน อธิบายต่อไปว่า
ทุกครั้งที่ดอกไม้ชนิดนี้บาน ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกทั่วโลก ก็จะมีผู้คนไปเยี่ยมชมจำนวนหลายพันคน
จอห์น ไซมอน ผู้อำนวยการฝ่าย Horticulture and Living Collections
"เมื่อดอกไม้ดอกไม้ชนิดนี้ผลิบานครั้งสุดท้ายในออสเตรเลีย มีผู้คนเข้าชมกว่า 2 หมื่นคนที่ยอมต่อแถวรอครั้งละหลายชั่วโมง รวมทั้งมีคนดูจากช่องทางสตรีมมิงจากทั่วโลก"

ผู้จัดการฝ่ายจำแนกพันธุ์ไม้และการจัดสถานที่ของสวนพฤกษศาสตร์ นครซิดนีย์ โซฟี แดเนียล อธิบายถึงการจัดแสดงดอกไม้ชนิดนี้ในสวนพฤษศาสตร์ว่า

"เรามีพรมแดงจากทางเดินเข้าไปในสวนปาล์ม และเมื่อคุณเดินไปถึงเวทีที่อยู่ด้านหน้า คุณจะพบกับนางเอกของงานตั้งเด่นอย่างสง่างามหน้าม่านกำมะหยี่ เราได้รับแรงบันดาลใจในการจัดตกแต่งมากจากภาพยนตร์ของเดวิด ลินช์ มันให้ความรู้สึกลึกลับและดราม่า และความแปลกประหลาดเล็กๆ รวมถึงถึงความสยองขวัญด้วย"

พุตริเซียเป็นหนึ่งในดอกไม้ยักษ์ที่สวนพฤกษศาสตร์หลายๆ แห่งในออสเตรเลียได้ปลูกไว้เช่นกัน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็มีดอกไม้ซากศพอื่นๆ เบ่งบานในเมืองอื่นๆ ในออสเตรเลีย

ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 ผู้คนหลายพันคนเดินทางไปที่สวนพฤกษศาสตร์ในนครแอดิเลดเพื่อชมตัวอย่างดอกพุตริเซียขนาดยักษ์ที่สูงถึง 1.5 เมตร ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันก็มีดอกพุตริเซียบานที่เมืองจีลอง รัฐวิกตอเรีย

คุณทราบหรือไม่ว่า ที่เมืองไทยก็มีดอกไม้ชนิดนี้ด้วย เมื่อ 5 ที่แล้วหรือในปี 2020 สวนนงนุช พัทยาได้เปิดตัวดอกบุกยักษ์ หรือดอกซากศพ ที่มีความสูง130 เซนติเมตรที่เบ่งบานเป็นครั้งที่2 ของปี และถือเป็นดอกที่ 8 ในรอบ 13 ปี

ทางสวนนงนุช พัทยา ได้เริ่มการปลูกดอกซากศพที่นำมาจากสวนพฤกษศาสตร์โบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อกว่า 15 ปีก่อน โดยปัจจุบันได้เพาะพันธุ์ต้นบุกยักษ์ไว้จำนวน 130 ต้นด้วยกัน

หากคุณพลาดการชมดอกไม้ที่มีความพิเศษนี้ คุณสามารถรับชมย้อนหลังในวิดีโอหรือช่องยูทูปของสำนักข่าวต่างๆ ทั่วออสเตรเลีย

คุณสามารถติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่เว็บไซต์  

บันทึกเว็บไซต์ของเราเก็บไว้ในบุ๊กมาร์ก เพื่อไม่ให้คุณพลาดสถานการณ์ล่าสุด หรือติดตามเราทางเฟซบุ๊กที่ 


Share