กด ▶ ฟังพอดคาสต์ด้านบน
ณ แถบตะวันออกของทวีปแอนตาร์กติกา เสียงการเจาะธารน้ำแข็งหนา 5 เมตร
นับเป็นเวลา 1 ชั่วโมงที่เจ้าหน้าที่เจาะทะลุลงสู่ใต้น้ำ ขั้นตอนต่อไปคือการเจาะด้วยมือ
ดร. โคติ มานาสเซโร นักธรณีฟิสิกส์และ ดร. ซาราห์ ทอมป์สัน นักธารน้ำแข็งวิทยานำเชือกยาวหลายร้อยเมตรลงไปในน้ำที่เย็นยะเยือกเพื่อสำรวจสิ่งที่อยู่ด้านล่าง
ทีมงานรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าหุบเขาใต้น้ำแห่งนี้มีความลึกอย่างน้อย 1,200 เมตร และกล้องที่ติดอยู่กับเชือกยังเผยให้เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกด้วย
"และพวกเรายังประหลาดใจมากที่ได้พบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นฟองน้ำทะเลหรือปลาดาวตัวเล็กๆ นักนิเวศวิทยาเหมืองแร่ตื่นเต้นมาก เพราะพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรเลย ฉันคิดว่ามันพิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่มีความรู้เกี่ยวกับภูมิภาคนี้เท่าไหร่นัก"

ธารน้ำแข็งท็อตเทน หนึ่งในธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดของโลกที่อยู่ในดินแดนแอนตาร์กติกาของออสเตรเลีย Credit: DEPARTMENT OF ENVIRONMENT
ผลการวิจัยระบุว่าธารน้ำแข็งดังกล่าวละลายไปแล้วมากกว่า 5 กิโลเมตรในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าใต้ธารน้ำแข็งมีหุบเขาลึกที่สุดในโลก โดยอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 3.5 กิโลเมตร
ดร. ทอมป์สันกล่าวว่าร่องน้ำแข็งขนาดใหญ่แห่งนี้อาจมีน้ำแข็งอยู่มาก หากละลายจนหมด อาจทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นถึง 1.5 เมตร
“เนื่องจากเป็นระบบนิเวศที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก เราจึงไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาที่เหมาะสมเพื่อระบุการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้ สิ่งสำคัญคือเราต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบนี้ให้มากขึ้น เพื่อให้เราคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้”
ทีมวิจัยได้เจาะลงไปในทะเลสาบเอพิ-เชลฟ์ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นเมื่อน้ำจืดจากธารน้ำแข็งที่ละลายถูกกักไว้เหนือน้ำที่หนาแน่นกว่าและเค็มกว่าจากชั้นน้ำแข็ง
ดร. ทอมป์สันกล่าวว่าทะเลสาบเหล่านี้เอื้อต่อการศึกษาพื้นที่ในมหาสมุทรบริเวณนี้
ในทวีปแอนตาร์กติกาตะวันออก เราเรียนรู้ว่าบริเวณหลักที่น้ำแข็งกำลังเปลี่ยนแปลงคือบริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นน้ำแข็งกับมหาสมุทร ดังนั้น ที่นี่ เรากำลังศึกษาว่าการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของมหาสมุทรส่งผลต่อการละลายของแผ่นน้ำแข็งที่ก้นทะเลอย่างไร และสิ่งนี้จะช่วยให้เราทราบคุณสมบัติของมหาสมุทรได้ดียิ่งขึ้นดร. ทอมป์สันกล่าว

ออสเตรเลียมีฐาน 3 แห่งในทวีปแอนตาร์กติกา Credit: AUSTRALIAN ANTARCTIC DIVISION
การสำรวจนี้จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี และส่งข้อมูลกลับมายังออสเตรเลีย
นี่เป็นเพียงหนึ่งการสำรวจ จากโครงการสำรวจทั้งชุดที่ดำเนินการในช่วงเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา นับเป็นโครงการสำรวจด้านวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ของแผนกสำรวจแอนตาร์กติกาออสเตรเลีย
ทั้งนี้โครงการภาคสนามที่ศึกษาประวัติศาสตร์และเสถียรภาพของธารน้ำแข็งเดนแมนกำลังจะเสร็จสิ้น แต่การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ข้อมูลและการค้นพบต่างๆ รวมถึงตัวอย่างหินและแกนน้ำแข็งหลายตันกำลังถูกส่งไปยังห้องแล็บทั่วออสเตรเลียเพื่อวิเคราะห์ผลในอีกหลายปีข้างหน้า