บทเรียนแผ่นดินไหวเขย่าไทย : คนไทยไกลบ้านตั้งคำถามความพร้อมรับมือภัยพิบัติของทางการไทย

Tremors from Myanmar Earthquake Are Felt In Bangkok

แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ที่เมียนมาส่งแรงสั่นถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ทำให้ประชาชนอพยพออกจากอาคาร และเกิดเหตุไซต์ก่อสร้างถล่มในย่านจตุจักร (Photo by Lauren DeCicca/Getty Images) Credit: Lauren DeCicca/Getty Images

แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมียนมาไม่เพียงจะทำความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในประเทศไทย แต่ยังเขย่าความเชื่อมั่นในระบบเตือนภัยของรัฐไทย คนไทยในออสเตรเลียสะท้อนมุมมองคนไกลบ้าน พร้อมตั้งคำถามต่อความพร้อมรับมือภัยพิบัติของไทย เผยมีบทเรียนจากออสเตรเลียที่อาจช่วยให้เราปลอดภัยมากกว่านี้เมื่อภัยธรรมชาติมาเยือน


แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมียนมาเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไม่เพียงรับรู้ได้ในหลายพื้นที่ของไทย แต่ยังทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้กับอาคารหลายแห่งโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ

รวมถึงเหตุตึกที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างถล่มลงมาทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรายหลาย

โดยที่การรายงานล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. มีการแจ้งว่าทีมกู้ภัยพบร่างผู้ประสบภัยเพิ่ม ทำให้ขณะนี้มีการยืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต 21 คนและอยู่ระหว่างค้นหาอีก 73 คน

ความเสียหายครั้งนี้ได้จุดกระแสคำถามถึงความพร้อมของระบบอาคาร ความปลอดภัย และการบริหารจัดการภัยพิบัติของไทยว่าเราพร้อมแค่ไหนต่อภัยพิบัติที่อาจเกิดถี่ขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาคารสูงที่เราพักอาศัยมีมาตรฐานเพียงพอหรือไม่

แล้วเราสามารถเรียนรู้อะไรจากประเทศที่รับมือกับภัยพิบัติเป็นเรื่องปกติอย่างออสเตรเลียได้บ้าง?

Bangkok Grinds To A Halt In Quake's Wake
ปฏิบัติการกู้ภัยและเคลียร์พื้นที่เริ่มขึ้นอย่างเต็มรูปแบบที่อาคารสูงย่านจตุจักรถล่ม เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2025 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย (Photo by Mailee Osten-Tan/Getty Images) Credit: Mailee Osten-Tan/Getty Images
เอสบีเอสไทยพูดคุยกับคนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลีย เพื่อสะท้อนภาพที่ชัดเจนขึ้นจากมุมไกลบ้านที่มีความเป็นห่วงครอบครัวและสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านเกิดเมืองนอน

คุณออย เจ้าของธุรกิจในเมลเบิร์น เล่าว่าเมื่อได้ยินข่าวแผ่นดินไหว สิ่งแรกที่เธอนึกถึงคือความปลอดภัยของคนในครอบครัวที่ยังอยู่ในไทย ไม่ใช่เรื่องทรัพย์สิน
ตอนนั้นประชุมอยู่ ก็ไม่รู้เรื่องเลยพอรู้ข่าวก็คือคิดแค่ว่าพ่อแม่ปลอดภัยไหม อยู่ที่ไหน
คุณ ออย คนไทยในเมลเบิร์น
แต่หลังจากได้รับแจ้งจากโบรกเกอร์ว่ามีคอนโดในย่านบางซื่อได้รับความเสียหาย กระเบื้องหลุด พื้นพัง ก็เริ่มตระหนักถึงผลกระทบด้านทรัพย์สินและเริ่มทยอยเข้าไปตรวจสอบโครงการที่ตัวเองเป็นเจ้าของ

คุณออยกล่าวว่าคอนโดเก่าที่ซื้อไว้นานกลับได้รับความเสียหายน้อยกว่าคอนโดใหม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า การแจ้งเตือนและความช่วยเหลือจากภาครัฐยังน้อยมาก และการสื่อสารกับผู้เสียหายยังไม่ชัดเจน

“ข้อมูลล่าช้า การแจ้งเตือนไม่ทั่วถึง”

คุณเจี๊ยบ นักธุรกิจในออสเตรเลียซึ่งเล่าว่าเธอมีมีญาติที่พักอยู่ในคอนโดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในย่านลาดพร้าว และจากการติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดเธอมองว่าการจัดการของภาครัฐยังขาดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ

“เกิดเหตุไปแล้ว 4 ชั่วโมง ยังไม่มี SMS แจ้งเตือน ไม่มีข้อมูลจากทางการเลยค่ะ ประชาชนต้องหาข่าวเองหมด”

เธอยอมรับว่า ประเทศไทยมีหน่วยงานที่เฝ้าระวังแผ่นดินไหวอยู่แล้วภายใต้กรมอุตุนิยมวิทยา และมีรายงานความถี่ของแผ่นดินไหวรายเดือน แต่ปัญหาอยู่ที่ประชาชนทั่วไปไม่รู้ว่าจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างไร
เรามีข้อมูล แต่ไม่มีการสื่อสาร ไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้คนรู้ว่าข้อมูลเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ใช้อย่างไร
คุณ เจี๊ยบ นักธุรกิจคนไทยในออสเตรเลีย

เตือนล่วงหน้า เล่นใหญ่ แต่สูญเสียน้อย

คุณเจี๊ยบ และคุณซินดี้ นักเรียนทุนรัฐบาลออสเตรเลีย ต่างสะท้อนตรงกันว่า ระบบการเตือนภัยและการสื่อสารของรัฐบาลออสเตรเลียมีความเป็นระบบและชัดเจนมากกว่า

“ที่ออสเตรเลีย น้ำท่วมหรือพายุจะมีการเตือนล่วงหน้าหลายวัน มีแผนชัดเจนว่าประชาชนต้องเตรียมตัวอย่างไร ถึงแม้สุดท้ายจะไม่รุนแรง แต่ประชาชนก็พร้อมแล้ว”

คุณซินดี้กล่าวเสริมว่า การเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในออสเตรเลียฝังอยู่ในระบบการศึกษาและการใช้ชีวิต เช่น การให้ข้อมูลความปลอดภัยตั้งแต่วันแรกที่นักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียน

“มีแอป มีการแจ้งเตือนทันสมัย และแจ้งด้วยภาษาที่ชัดเจนว่าเราควรทำอะไร ไม่ได้ทำให้คนตื่นตระหนก แต่ทำให้รู้ว่าควรรับมืออย่างไร”

สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย

คนไทยในออสเตรเลียทั้งสามคนยังเห็นพ้องกันว่า ประเทศไทยควรสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เช่น การฝึกซ้อมภัยพิบัติในโรงเรียน หรือการเข้าถึงข้อมูลภัยพิบัติที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้จริง

คุณซินดี้เสนอว่า การกระจายความเจริญออกนอกกรุงเทพฯ และปรับแผนผังเมืองอย่างจริงจัง จะช่วยให้รับมือกับภัยธรรมชาติได้ดีขึ้นในอนาคต
ถ้าเกิดภัยพิบัติ แล้วคนแออัดอยู่ที่เดียว การช่วยเหลือก็เข้าถึงยาก แต่ถ้ากระจายออกไป สร้างพื้นที่น่าอยู่นอกเมือง ก็ลดความเสี่ยงได้เยอะ
คุณ ซินดี้ นักเรียนทุนรัฐบาลออสเตรเลีย
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งในระดับบุคคล ชุมชน และรัฐบาล

ประเทศไทยมีทั้งข้อมูลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่ยังขาดคือ “การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ” และ “การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย” ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน

LISTEN TO
How Thailand handles disaster RNF image

บทเรียนแผ่นดินไหวเขย่าไทย : คนไทยไกลบ้านตั้งคำถามความพร้อมรับมือภัยพิบัติของทางการไทย

SBS Thai

14:30
ติดตามข่าวสารล่าสุดจากออสเตรเลียและทั่วโลกเป็นภาษาไทยจากเอสบีเอส ไทย ได้ที่  หรือ และ   


Share

Recommended for you